กาแฟ House Blend คืออะไร เอกลักษณ์เพิ่มความพิเศษให้รสชาติกาแฟ

Image
กาแฟ House Blend คืออะไร เอกลักษณ์เพิ่มความพิเศษให้รสชาติกาแฟ

Key Takeaway

  • เมล็ดกาแฟ Blend คือการนำเมล็ดกาแฟตั้งแต่ 2 สายพันธุ์ขึ้นไปมาผสมกัน เพื่อให้ได้รสชาติกาแฟที่หลากหลายขึ้น มีรสชาติและกลิ่นที่แปลกใหม่
  • เลือกทำเมล็ดกาแฟ Blend ได้ตามความสนใจ ไม่ว่าจะเป็น สายพันธุ์ แหล่งที่ปลูก ระดับการคั่ว กระบวนการผลิต อายุของเมล็ดกาแฟ เป็นต้น
  • กาแฟ House Blend คือเมล็ดกาแฟที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของแต่ละร้านกาแฟที่ได้เลือกผสมเมล็ดกาแฟอย่างซับซ้อนจากแต่ละเทคนิค เพื่อให้ได้โปรไฟล์กาแฟและรสชาติตามที่ต้องการ
  • กาแฟ House Blend เป็นการสร้างเอกลักษณ์เมล็ดกาแฟที่มีรสชาติไม่เหมือนที่อื่น และยังเป็นมาตรฐานกาแฟพิเศษของทางร้าน โดยใช้ต้นทุนที่ประหยัดมาก
  • Peaberry Thai มี Pacamara House Blend เมล็ดกาแฟเบลนด์คุณภาพ คัดสรรมาแล้วอย่างดี ตอบโจทย์กับทุกความต้องการด้านกาแฟ

เอกลักษณ์ของรสชาติกาแฟ มาจากการดึงจุดเด่นด้านกลิ่นและรสชาติของเมล็ดกาแฟแต่ละสายพันธุ์ออกมาเป็นจุดขาย โดยความแตกต่างในเรื่องรสชาติและกลิ่นของเมล็ดกาแฟแต่มาจากแหล่งเพาะปลูก การคัดเมล็ด การคั่ว การสกัดกาแฟ หรืออื่นๆ อีกมากมาย และเพื่อให้เมล็ดกาแฟมีความพิเศษยิ่งขึ้นจึงมีการนำเมล็ดกาแฟแต่ละสายพันธุ์มาผสมกัน หรือที่เรียกว่าการ Blend กาแฟนั่นเอง

โดยการ Blend กาแฟทำได้อย่างไร มีจุดเริ่มต้นจากไหน ทำได้อย่างไร แล้วการ Blend กาแฟแบบ House Blend คืออะไร มีลักษณะอย่างไร ทำไมถึงเป็นที่นิยม มาหาคำตอบกันได้ในบทความนี้

 

จุดเริ่มต้นของการทำกาแฟ Blend คืออะไร

 

จุดเริ่มต้นของการทำกาแฟ Blend คืออะไร

ก่อนรู้จักกาแฟประเภท House Blend ว่าคืออะไร ต้องเริ่มต้นจากการทำความรู้จักว่ากาแฟ Blend Coffee คืออะไรเพื่อหาจุดเริ่มต้นให้เข้าใจในเอกลักษณ์ของเมล็ดกาแฟและเอกลักษณ์ของรสชาติต่างๆ ได้ง่ายมากขึ้น

จุดเริ่มต้นของการ Blend เมล็ดกาแฟ มาจากแหล่งเพาะปลูกกาแฟแห่งแรกในตะวันออกกลาง ที่มีสายพันธุ์การเพาะปลูกจำนวนน้อยมาก แต่เมื่อเข้าสู่ยุคที่กาแฟเริ่มกลายเป็นพืชผลทางเศรษฐกิจ มีการส่งออกไปทั่วโลก ทำให้เมล็ดกาแฟเริ่มมีการเพาะปลูกตามพื้นที่ประเทศอื่นๆ และรสชาติของเมล็ดกาแฟเริ่มมีความหลากหลายเพิ่มขึ้นตามปัจจัยต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นลักษณะดิน อุณหภูมิอากาศ แร่ธาตุในพื้นที่ดิน และปัจจัยการปลูกกาแฟอื่นๆ ทำให้เมล็ดกาแฟเริ่มมีสายพันธุ์ใหม่ๆ กำเนิดขึ้นมามากมาย

ต่อมาจึงเกิดการทดลอง Blend เมล็ดกาแฟที่มาจากการรวม 2 สายพันธุ์กาแฟขึ้นไปเพื่อดึงรสชาติเอกลักษณ์ของกาแฟแต่ละตัวให้มีความโดดเด่นและเข้ากันจนมีรสชาติหลากหลาย แปลกใหม่ ได้ทั้งกลิ่น ทั้งรสชาติ และสัมผัสของกาแฟหลายสายพันธุ์อยู่ในแก้วเดียวจนเหมือนกับได้ดื่มกาแฟใหม่นั่นเอง

ดังนั้น เมล็ดกาแฟ Blend คือการนำเมล็ดกาแฟตั้งแต่ 2 สายพันธุ์ขึ้นไปมาผสมกัน เพื่อให้ได้รสชาติกาแฟที่หลากหลายขึ้น มีรสชาติและกลิ่นที่แปลกใหม่ เน้นไปที่การดึงจุดเด่นของเมล็ดแต่ละตัวออกมากลบจุดด้อยของแต่ละเมล็ดด้วยเช่นกัน 

 

ทำไมต้อง Blend เมล็ดกาแฟ

 

ทำไมต้อง Blend เมล็ดกาแฟ

เมื่อรู้จักกันแล้วว่าเมล็ดกาแฟ Blend คือการผสมเมล็ดกาแฟตั้งแต่ 2 สายพันธุ์ขึ้นไปให้เกิดเป็นรสชาติใหม่ที่ซับซ้อนขึ้นและแปลกใหม่มากขึ้น สิ่งที่ต้องเข้าใจต่อมาคือเหตุผลที่ต้องเบลนด์เมล็ดกาแฟว่าจะ Blend ผสมกันเพื่ออะไร โดยการทำเมล็ดกาแฟ Blend มีจุดประสงค์ดังนี้

  • เมล็ดกาแฟ Blend ทำให้กาแฟมีความหลากหลายด้านรสชาติที่ซับซ้อนและกลิ่นที่ชัดเจนมากขึ้นจากการผสมกาแฟแต่ละสายพันธุ์มารวมกันตั้งแต่ 2 สายพันธุ์ขึ้นไป
  • เมล็ดกาแฟ Blend ช่วยกลบจุดด้อยของกาแฟบางตัว ด้วยการชูจุดเด่นของกาแฟอีกตัวได้อย่างสมบูรณ์แบบและมีรสชาติของกาแฟตรงตามความต้องการ เช่น เมล็ดที่มีอยู่ค่อนข้างมีกลิ่นไปโทนติดกลิ่นคั่ว หากเลือกกาแฟสายพันธุ์ที่มีกลิ่นของผลไม้หมักต่างๆ มาผสม Blend กาแฟเพื่อกลบกลิ่นคั่วนั้นไป อาจทำให้ได้รสชาติใหม่อย่างกาแฟโทนผมไม้หมักที่มีรสชาติหนักแน่นของตัวกาแฟเพิ่มขึ้น
  • เมล็ดกาแฟ Blend ช่วยลดต้นทุนในเรื่องเมล็ดกาแฟแบบ Specialty ได้เยอะมากขึ้น และใช้วัตถุดิบเมล็ดกาแฟที่มีอยู่ให้คุ้มค่า สร้างความเป็นเอกลักษณ์ของร้านกาแฟได้
  • เมล็ดกาแฟ Blend ช่วยให้รสชาติของร้านกาแฟมีมาตรฐานคงที่ เพราะรสชาติจากเมล็ดกาแฟที่ใช้ประจำ หรือกาแฟตัวเดียว รวมถึงเมล็ดแบบ Specialty ไม่สามารถควบคุมมาตรฐานด้านรสชาติและกลิ่นได้แบบ 100% เนื่องจากลักษณะของดินฟ้าอากาศ แร่ธาตุภายในสภาพแวดล้อมแหล่งเพาะปลูกต่างๆ ของพื้นที่จะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา และปัจจัยภายนอกอื่นๆ ที่ไม่สามารถควบคุมได้ เพราะฉะนั้นการเบลนด์เมล็ดกาแฟจะช่วยในเรื่องการคงมาตรฐานของรสชาติกาแฟประจำร้านได้ดีที่สุด

การ Blend เมล็ดกาแฟ ทำอย่างไร

สามารถ Blend เมล็ดกาแฟได้ด้วยวิธีการดังนี้

  1. การเลือกเมล็ดกาแฟ: เริ่มต้นด้วยการเลือกเมล็ดกาแฟจากแหล่งที่มีคุณภาพดี เพื่อนำมาใช้เบลนด์ เช่น เมล็ดกาแฟจากประเทศต่างๆ ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เช่น เอธิโอเปีย บราซิล หรือโคลอมเบีย
  2. การทดสอบรสชาติ: หลังจากเลือกเมล็ดกาแฟแล้ว จะต้องทำการทดสอบรสชาติของเมล็ดกาแฟแต่ละตัว เพื่อให้ทราบถึงคุณสมบัติ เช่น ความเปรี้ยว ความหวาน และกลิ่นหอม
  3. การเบลนด์: เมื่อได้เมล็ดกาแฟที่ต้องการแล้ว จะทำการผสมในสัดส่วนที่เหมาะสม โดยอาจเริ่มจากการทดลองผสมในปริมาณน้อยก่อน เพื่อให้ได้รสชาติที่ลงตัว
  4. การคั่ว: เมล็ดกาแฟที่ผสมแล้วจะต้องถูกคั่วเพื่อพัฒนารสชาติ โดยการคั่วสามารถทำได้ในระดับที่แตกต่างกัน เช่น คั่วอ่อน คั่วกลาง หรือคั่วเข้ม ขึ้นอยู่กับรสชาติที่ต้องการ
  5. การชิมและปรับปรุง: หลังจากคั่วแล้ว จะต้องมีการชิมกาแฟเพื่อประเมินรสชาติ หากไม่ตรงตามที่ต้องการก็สามารถปรับสัดส่วนของเมล็ดกาแฟหรือวิธีการคั่วได้

 

 รูปแบบการ Blend เมล็ดกาแฟ

 

รูปแบบการ Blend เมล็ดกาแฟ 

รูปแบบของการ Blend เมล็ดกาแฟให้ได้เอกลักษณ์ใหม่ๆ หรือจะเบลนด์เพื่อดึงจุดเด่นกลบจุดด้อยให้กับเมล็ดกาแฟที่มีอยู่แล้ว ก็มีรูปแบบการ Blend ผสมเมล็ดกาแฟจากหลากหลายพื้นฐาน โดยสามารถใช้รูปแบบการ Blend เพื่อสกัดกาแฟรสชาติใหม่ๆ ตามต้องการได้ดังนี้

  • สายพันธุ์: เป็นการ Blend หรือผสมเมล็ดกาแฟระหว่าง 2 สายพันธุ์ขึ้นไป เช่น สายพันธุ์กาแฟโรบัสต้า และสายพันธุ์กาแฟอาราบิก้า เพื่อคุมความเข้มไม่ให้โดดมากจนเกินไป แต่ความหอมของกาแฟก็ไม่ลดลงด้วยเช่นกัน เป็นเมล็ดที่สามารถนำไปทำได้ทั้งกาแฟดำและกาแฟนม
  • แหล่งที่ปลูก: เป็นการ Blend เมล็ดกาแฟจากแหล่งเพาะปลูกคนละพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นกาแฟคนละจังหวัด คนละประเทศ หรือกาแฟคนละทวีปเลยก็ได้ เพื่อดึงจุดเด่นกาแฟแต่ละพื้นที่ออกมาผสมให้เข้ากันและกลายเป็นกาแฟเบลนด์เมล็ดประเภทใหม่ขึ้นมา
  • ระดับการคั่ว: เป็นการ Blend เมล็ดกาแฟจากระดับการคั่ว เช่น การเลือกเมล็ดกาแฟคั่วเข้ม และการเลือกเมล็ดกาแฟคั่วกลางมาผสมกัน เพื่อลดความขมหรือกลิ่นติด Smoke (กลิ่นออกไหม้ๆ ควันๆ ) ของกาแฟคั่วเข้มให้เบาลงมา แต่ยังได้ความสดชื่นจากรสชาติเบาใสจากกาแฟคั่วกลาง เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบดื่มกาแฟรสชาติหนักแต่กลิ่นหอมและดื่มง่าย
  • กระบวนการผลิต: เป็นการ Blend เมล็ดกาแฟจากกระบวนการผลิตตั้งแต่ 2 แบบเข้าด้วยกัน เช่น เลือกกาแฟแบบ Wash Process มาเบลนด์กับ Dry Process เพื่อดึงกลิ่นและรสชาติของการหมักที่เป็นเอกลักษณ์เมล็ดนั้นๆ ผสมกันให้เกิดเป็นจุดเด่นใหม่ขึ้น
  • อายุของเมล็ดกาแฟ: เป็นการ Blend เมล็ดกาแฟจากอายุของการเก็บเกี่ยว การเก็บรักษากาแฟหลังจากการคั่วเสร็จ เช่น นำเมล็ดกาแฟหลังคั่วเสร็จและทิ้งให้เมล็ดคายก๊าซแล้ว 3 สัปดาห์ มาเบลนด์รวมกับเมล็ดกาแฟที่คั่วทิ้งไว้แล้ว 120 วัน เพื่อดึงระดับคาเฟอีนให้เพิ่มขึ้น ได้รสชาติใหม่ๆ ของกาแฟที่หลากหลายขึ้น พร้อมกับเคลียร์สต็อกของร้านได้ด้วย
  • เบลนด์ก่อนคั่ว (Pre Blend): วิธีการเบลนด์แบบ Pre Blend จะเป็นการเลือกเมล็ดกาแฟตั้งแต่เขียวๆ เมล็ดดิบ หรือที่เรียกกันว่าเมล็ด Green bean (เมล็ดสารกาแฟ) มารวมกันจากแต่ละแหล่งเพาะปลูก แล้วเลือกระดับการคั่วให้เหมือนกันในทีเดียวเพื่อให้ได้ความหลากหลายและมีระดับการคั่วที่เท่ากัน 
  • คั่วก่อนเบลนด์ (Post Blend): วิธีการเบลนด์แบบ Post Blend จะเป็นการเลือกเมล็ดกาแฟหลังจากคั่วเสร็จเรียบร้อยแล้วแต่ละประเภท แต่ละเมล็ดมาเบลนด์ผสมกัน เพื่อดึงจุดเด่นกลบจุดด้อยของเมล็ดต่างๆ และหาเอกลักษณ์รสชาติ กลิ่น ความซับซ้อน รวมถึงโปรไฟล์กาแฟที่ร้านต้องการก็สามารถควบคุมให้ออกมาได้ตรงมากที่สุด

กาแฟ House Blend คืออะไร

กาแฟ House Blend คือเมล็ดกาแฟที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของแต่ละร้านกาแฟที่ได้เลือกผสมเมล็ดกาแฟอย่างซับซ้อนจากแต่ละเทคนิค เพื่อให้ได้โปรไฟล์กาแฟและรสชาติตามที่ต้องการ โดยจุดประสงค์ของการผสมเมล็ดกาแฟแบบ House Blend คือการทำให้เมล็ดกาแฟแต่ละประเภท แต่ละสายพันธุ์ที่คัดมาเบลนด์รวมกัน กลายเป็นเมล็ดกาแฟรูปแบบพิเศษที่สามารถหากินได้แค่ร้านนั้นๆ เพียงร้านเดียว 

ดังนั้น เมล็ดกาแฟแบบ House Blend คือการนำเสนอเอกลักษณ์ประจำของร้านกาแฟ โดยเมล็ด House Blend ของร้านจะเป็นการเลือกเมล็ดอื่นมาเบลนด์ผสมเข้ากับเมล็ดของร้านเพื่อหาเอกลักษณ์เฉพาะให้กับกาแฟแต่ละสูตร แต่ละเมนู สามารถใช้การ Blend แบบนี้ได้กับทั้งร้านที่เป็นสโลว์บาร์และสปีดบาร์ ขึ้นอยู่กับเป้าหมายที่ร้านตั้งไว้ หากคอกาแฟคนไหนติดใจรสชาติเมล็ด House Blend ร้านนั้น ก็ต้องกลับไปดื่มแค่ร้านนั้นแค่ร้านเดียวนั่นเอง

 

ข้อดีของเมล็ดกาแฟ House Blend

 

ข้อดีของเมล็ดกาแฟ House Blend 

เมื่อได้รู้จักกับกาแฟ House Blend ไปแล้วว่าคืออะไร มาดูกันว่ากาแฟ House Blend มีจุดเด่นอย่างไรบ้าง ดังนี้

  • กาแฟ House Blend เป็นการสร้างเอกลักษณ์เมล็ดกาแฟที่มีรสชาติไม่เหมือนที่อื่น และยังเป็นมาตรฐานกาแฟพิเศษของทางร้าน โดยใช้ต้นทุนที่ประหยัดมาก
  • กาแฟ House Blend เป็นการใช้วัตถุดิบและต้นทุนที่มีอยู่แล้วของร้านให้คุ้มค่า และสร้างสิ่งใหม่ๆ ขึ้นมา เช่น เมล็ดกาแฟที่มีอยู่แล้วของร้านซึ่งเป็นต้นทุนหลักและเป็นวัตถุดิบหลักสามารถนำมาผสมเพื่อทำ House Blend หรือสั่งคั่วเพิ่มเมล็ด House Blend จากเมล็ดหลักของร้านขึ้นมาเพิ่มก็ได้โดยไม่เสียเงินลงทุนซื้อเมล็ดใหม่ๆ เพิ่ม
  • กาแฟ House Blend ที่สร้างรสชาติกับกลิ่นที่พิเศษ มีความซับซ้อน และนำเสนอโปรไฟล์ด้านรสชาติ กลิ่น สัมผัสได้อย่างเป็นเอกลักษณ์หรือโดดเด่นมากๆ จากสูตรที่ทางร้านคิดค้นผสมออกมาก็มีโอกาสชนะการประกวดเมล็ดกาแฟได้ด้วยเช่นกัน
  • กาแฟ House Blend ช่วยทำให้ลูกค้าที่ชอบในรสชาติเอกลักษณ์ต้องกลับมาดื่มที่ร้านเราแค่ร้านเดียว

ความต่างของ กาแฟ House Blend vs Single Origin vs Speciality Coffee คืออะไร

สำหรับเมล็ดกาแฟทุกวันนี้ที่เจอได้ตามร้านกาแฟ คาเฟ่ต่างๆ จะมีประเภทเมล็ดพิเศษให้เลือกเพิ่มเติม โดยมีทั้ง เมล็ดกาแฟ House blend เมล็ดกาแฟ Gold blend เมล็ดกาแฟ Single Origin และเมล็ดกาแฟแบบ Speciality สามารถเปรียบเทียบความแตกต่างกันได้ ดังนี้

ความต่างของกาแฟ House Blend กับ Single Origin

เมล็ดกาแฟแบบ Single Origin เป็นเมล็ดกาแฟจากแหล่งปลูกที่เดียว สายพันธุ์เดียว นำมาคั่วเพื่อให้ได้เอกลักษณ์ของเมล็ดชนิดนั้นจากถิ่นกำเนิดแต่ละพื้นที่ออกมาโดยตรง เป็นเมล็ดที่จะทำให้รู้ได้ทันทีว่าเมล็ดแบบนี้มีแหล่งที่มาจากไหน เป็นเมล็ดสายพันธุ์อะไร ไม่มีความซับซ้อนแต่มีความเป็นเอกลักษณ์สูงมากจนสามารถจดจำได้แน่นอน มักจะเห็นเมล็ดกาแฟเป็นชื่อของแหล่งเพาะปลูก เช่น เมล็ดกาแฟห้วยโทน เมล็ดกาแฟเคนย่า เมล็ดกาแฟบลาซิล เป็นต้น

ส่วนกาแฟ House Blend ก็อย่างที่ทราบกันดีแล้วว่าเป็นการคัดเลือกเมล็ดกาแฟจากรูปแบบต่างๆ มาสร้างรสชาติและเอกลักษณ์ใหม่ๆ ให้ตรงกับความต้องการของทางร้าน จึงมีมากกว่า 1 สายพันธุ์ 1 แหล่งปลูกอย่างแน่นอน

ความต่างของกาแฟ House Blend กับ Speciality Coffee

เมล็ดกาแฟแบบ Speciality คือเมล็ดกาแฟที่ต้องผ่านมาตรฐานทุกอย่าง ทุกขั้นตอนอย่างพิถีพิถันมากที่สุด โดย Speciality จะเป็นเมล็ดที่ตั้งเป้าหมายและใส่ใจในด้านรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ตั้งแต่กระบวนการต้นน้ำแหล่งปลูก การคัดเมล็ด กระบวนการหมักบ่น การคั่ว และอื่นๆ ในทุกขั้นตอน จนกว่าจะได้เมล็ด Speciality ที่มีโปรไฟล์ (รสชาติ กลิ่น สัมผัส และความต้องการต่อการสร้างเมล็ดใหม่นี้) ได้สมบูรณ์แบบและมี Taste note (กลิ่นและรสชาติที่ผ่านกระบวนการต่างๆ) ตรงกับความต้องการในการนำเสนอเมล็ดแต่ละแบบ

สรุป

การ Blend เมล็ดกาแฟ คือวิธีการผสมเมล็ดกาแฟตั้งแต่สองสายพันธุ์ขึ้นไป มาเบลนด์ผสมกันให้ได้เมล็ดรสชาติใหม่ตรงกับเป้าหมายที่ร้านต้องการ เพื่อกลบข้อเสียหรือจุดด้อยที่มีกลิ่นการคั่วไม่ค่อยดีของเมล็ดตัวหนึ่งโดยใช้การผสมเมล็ดกาแฟที่มีความโดดเด่นสูงมากเรื่องกลิ่น เมื่อ Blend กันแล้วจะได้เมล็ด กาแฟ blend ที่มีรสชาติใหม่ออกมา มันคือการหาเอกลักษณ์ของร้านเองหรือเพื่อให้ร้านประหยัดต้นทุนก็ขึ้นอยู่กับเป้าหมายที่จะทำการคัดเลือกเมล็ดมาเบลนด์นั่นเอง

ส่วนเมล็ดกาแฟ House Blend คือ เมล็ดกาแฟที่ทางร้านตั้งใจคัดเลือกสายพันธุ์ต่างๆ และตั้งเป้าหมายในด้านรสชาติ กลิ่น และสัมผัสของตัวกาแฟจากเมล็ดหลายๆ แห่งมารวมกับเมล็ดกาแฟที่ทางร้านใช้เป็นหลักอยู่แล้ว เพื่อให้เมล็ดใหม่ที่รังสรรค์ออกมานี้สามารถไปถึงเป้าหมายด้านรสชาติอันเป็นจุดเด่นของร้านตามที่ต้องการได้ 

หากใครสนใจเมล็ดดีๆ ที่มีทุกประเภท ตั้งแต่เมล็ด Blend ทั่วไป หรือเมล็ด Single Origin รวมถึงเมล็ดกาแฟแบบ Speciality ทุกระดับการคั่วสามารถเข้าดูได้ที่ Peaberry Thai มีเมล็ดกาแฟคุณภาพ รวมถึงกาแฟ Pacamara House Blend เมล็ดกาแฟคั่วกลางจากประเทศบราซิล อินโดนีเซีย กัวเตมาลา และ ประเทศไทย ให้รสชาติที่หลากหลายตามความชอบ ทั้งรสคาราเมล ถั่วเฮเซลนัท ช็อกโกแลต ตัวกาแฟมีบอดี้ที่ดี กินง่าย รสชาตินุ่มนวล ไม่ว่าจะนำมาทำเป็นกาแฟดำ หรือดื่มกับนมสดก็ตอบโจทย์ทุกความต้องการ

แชร์