Key Takeaway
- “กาแฟดำ” คือกาแฟเข้มข้นที่มีกลิ่นผลไม้สดหรือดอกไม้ มีความเข้มน้อยกว่า “กาแฟเอสเพรสโซ่” ที่มีรสชาติขมเข้มและฟองครีมบนผิว
- “กาแฟคาปูชิโน่” คือกาแฟที่ประกอบด้วยเอสเพรสโซ่ นมร้อน และฟองนมหนา มีรสชาติกลมกล่อม ต่างจาก “กาแฟลาเต้” ตรงที่ลาเต้มีรสชาติที่นุ่มนวลและหวานเพราะใส่นมมากกว่าคาปูชิโน่และมีฟองนมที่บางกว่า
- “กาแฟมอคค่า” คือกาแฟที่รสชาติหวานและเข้มข้น จากการผสมกันของกาแฟและช็อกโกแลต
- ประโยชน์โดยรวมของกาแฟคือ การกระตุ้นสมองและเพิ่มความตื่นตัว รวมถึงมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีต่อสุขภาพ แต่ไม่ควรดื่มในปริมาณที่มากไป เพราะอาจส่งผลต่อความดันโลหิตและการนอนหลับ ในบางประเภทที่มีนมอาจทำให้ได้รับแคลอรีและน้ำตาลมากเกินไป
- Peaberry Thai มีทั้งเมล็ดกาแฟและเครื่องชงกาแฟคุณภาพ ที่ช่วยให้สัมผัสรสชาติและกลิ่นหอมของกาแฟได้ทุกประเภทตามต้องการ
การเดินทางสำรวจโลกของกาแฟเปรียบเสมือนการเปิดประตูสู่ประสบการณ์ใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้ที่มาของกาแฟประเภทต่างๆ หรือวิธีการชงกาแฟในหลายรูปแบบ บทความนี้จะพาคุณไปค้นพบความลับประเภทของกาแฟต่างๆ ที่ได้รับความนิยมทั่วโลก ตั้งแต่กาแฟดำเข้มข้น ไปจนถึงกาแฟนมรสชาติละมุน เพื่อให้คุณได้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกาแฟและสามารถเลือกรับประทานกาแฟที่ถูกใจได้อย่างมั่นใจ
1. กาแฟดำ (Americano)
Americano หรือ กาแฟดำ คือเครื่องดื่มที่มีรสชาติเข้มข้นและมีกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ กลิ่นอาจไปทางกลิ่นผลไม้สดหรือดอกไม้ ขึ้นอยู่กับประเภทของเมล็ดกาแฟที่ใช้ มักเป็นเมล็ดกาแฟอาราบิก้า (Arabica) หรือโรบัสต้า (Robusta) ซึ่งมีลักษณะเมล็ดเรียวยาวและมีสีเข้ม
กาแฟดำมีต้นกำเนิดมาจากช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อทหารอเมริกันในยุโรปต้องการกาแฟที่มีรสชาติไม่เข้มข้นเท่าเอสเพรสโซ พวกเขาจึงเติมน้ำร้อนลงในเอสเพรสโซเพื่อเจือจางกาแฟ นับแต่นั้นมากาแฟดำก็กลายเป็นที่นิยมในวงการกาแฟทั่วโลก และยังเป็นเครื่องดื่มที่สามารถดื่มได้ทุกเวลา
ประโยชน์ของการดื่มกาแฟดำ ได้แก่ การกระตุ้นสมองและเพิ่มความตื่นตัว รวมถึงมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีต่อสุขภาพ อย่างไรก็ตามควรระวังการดื่มในปริมาณมากเกินไป เนื่องจากอาจส่งผลต่อความดันโลหิตและการนอนหลับได้
ส่วนผสมมีอะไรบ้าง
- เมล็ดกาแฟ
- น้ำร้อน
สูตรชงกาแฟ
- เตรียมเครื่องชงกาแฟเอสเพรสโซ และบดเมล็ดกาแฟประมาณ 18-20 กรัมให้เป็นผงละเอียด
- ตั้งอุณหภูมิน้ำให้อยู่ที่ประมาณ 90-95 องศาเซลเซียส
- ใส่ผงกาแฟลงในเครื่องชงและอัดแน่นเบาๆ
- ชงเอสเพรสโซโดยใช้เวลาประมาณ 25-30 วินาที จะได้เอสเพรสโซประมาณ 30 มิลลิลิตร
- เติมน้ำร้อนประมาณ 150-180 มิลลิลิตรลงในถ้วยเอสเพรสโซ
- คนเบาๆ เพื่อผสมเอสเพรสโซกับน้ำร้อนให้เข้ากัน
เหมาะกับคนที่มีไลฟ์สไตล์ใด
Americano หรือ กาแฟดำ คือกาแฟที่เหมาะสำหรับคนที่มีไลฟ์สไตล์ที่ต้องการความตื่นตัวและกระฉับกระเฉงตลอดวัน ไม่ว่าจะเป็นคนทำงานออฟฟิศที่ต้องการกาแฟเพื่อเพิ่มพลังในการทำงาน หรือนักศึกษาที่ต้องการเครื่องดื่มช่วยเพิ่มสมาธิในการเรียน กาแฟดำยังเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการรสชาติกาแฟแต่ไม่ต้องการความเข้มข้นและขมของเอสเพรสโซ่
2. กาแฟเอสเพรสโซ่ (Espresso)
กาแฟเอสเพรสโซ่ คือกาแฟที่มีความเข้มข้นสูง มีรสชาติขมและเต็มไปด้วยกลิ่นหอม เมล็ดกาแฟที่ใช้ในการชงเอสเพรสโซ่มักจะเป็นเมล็ดอาราบิก้า (Arabica) หรือโรบัสต้า (Robusta) หรือบางครั้งก็ผสมกันเพื่อให้ได้รสชาติที่สมบูรณ์แบบ กลิ่นของเอสเพรสโซ่มีความหอมลึกซึ้ง มีกลิ่นถั่วหรือผลไม้ รสชาติของเอสเพรสโซ่จะมีความขมเข้ม มีความเปรี้ยวเล็กน้อย และมีความหวานปลายๆ จากน้ำตาลในเมล็ดกาแฟ
กาแฟเอสเพรสโซ่ คือกาแฟเข้มข้นที่ได้จากการสกัดกาแฟคั่วบดละเอียดด้วยแรงดันน้ำร้อนสูง ทำให้ได้กาแฟที่มีรสชาติเข้มข้น มีครีมา (Crema) หรือฟองสีน้ำตาลที่อยู่ด้านบน ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของเอสเพรสโซ่ และเป็นฐานสำคัญของเครื่องดื่มกาแฟประเภทต่างๆ เช่น คาปูชิโน่ ลาเต้ มอคค่า มัคคิอาโต้ เป็นต้น
เอสเพรสโซ่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศอิตาลี ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ถึงต้นศตวรรษที่ 20 โดยเครื่องชงกาแฟเอสเพรสโซ่เครื่องแรกถูกคิดค้นขึ้นในปี 1903 โดย Luigi Bezzera แต่เขาไม่เก่งในเรื่องของการตลาด จึงขายเครื่องชงกาแฟให้แก่ Desidero Pavoni จากนั้น Pavoni ได้จดสิทธิบัตรอย่างเป็นทางการ และเอสเพรสโซ่ก็ได้รับความนิยมไปทั่วโลก
ประโยชน์ของการดื่มเอสเพรสโซ่คือการเพิ่มพลังงานและความตื่นตัว การช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบประสาท และการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน แต่ควรดื่มในปริมาณที่พอเหมาะ เนื่องจากมีคาเฟอีนสูง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความดันโลหิตและการนอนหลับ
ส่วนผสมมีอะไรบ้าง
- เมล็ดกาแฟ
- น้ำร้อน
สูตรชงกาแฟ
- บดเมล็ดกาแฟประมาณ 18-20 กรัม ให้เป็นผงละเอียด
- ตั้งอุณหภูมิน้ำให้อยู่ที่ประมาณ 90-95 องศาเซลเซียส
- ใส่ผงกาแฟลงในเครื่องชงเอสเพรสโซ่และอัดให้แน่นแต่ไม่ควรอัดแรงเกินไป
- ชงกาแฟโดยใช้เวลา 25-30 วินาที จะได้เอสเพรสโซ่ประมาณ 30 มิลลิลิตร
- เทเอสเพรสโซ่ลงในถ้วยและเสิร์ฟทันที
เหมาะกับคนที่มีไลฟ์สไตล์ใด
กาแฟเอสเพรสโซ่ คือกาแฟที่เหมาะกับคนที่ชื่นชอบรสชาติกาแฟเข้มข้น มีกลิ่นหอม และต้องการความสดชื่นในยามเช้า หรือระหว่างวัน นอกจากนี้ยังเหมาะกับคนที่ต้องการดื่มกาแฟปริมาณน้อย แต่ได้รสชาติเข้มข้นเต็มๆ คอฟฟี่เลิฟเวอร์หลายคนนิยมดื่มเอสเพรสโซ่เพียวๆ หรือใช้เป็นฐานในการทำเครื่องดื่มกาแฟอื่นๆ
3. กาแฟคาปูชิโน่ (Cappuccino)
Cappuccino หรือ กาแฟคาปูชิโน่ คือเครื่องดื่มกาแฟที่มีต้นกำเนิดจากอิตาลี ประกอบด้วยเอสเพรสโซ่ นมร้อน และฟองนม เมล็ดกาแฟที่ใช้ในการชงคาปูชิโน่มักจะเป็นเมล็ดอาราบิก้า (Arabica) หรือเมล็ดผสมที่มีการคั่วระดับกลางถึงเข้มเพื่อให้ได้รสชาติที่เข้มข้น กลิ่นของคาปูชิโน่มีความหอมที่สมดุลระหว่างกลิ่นกาแฟและกลิ่นนม รสชาติของคาปูชิโน่มีความเข้มข้นของเอสเพรสโซ่ แต่ถูกเจือจางด้วยนมร้อนและฟองนม ทำให้มีรสชาติที่นุ่มนวลและหวานนิดๆ
ประวัติของคาปูชิโน่เริ่มต้นในช่วงศตวรรษที่ 17-18 ในประเทศอิตาลี ชื่อ "Cappuccino" มาจากลักษณะสีของฟองนมที่คล้ายกับสีของเสื้อคลุมของนักบวชคาปูชิน ความสำคัญของคาปูชิโน่ในวงการกาแฟคือเป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก และเป็นหนึ่งในเครื่องดื่มพื้นฐานที่บาริสต้าทุกคนต้องรู้จัก
ประโยชน์ของการดื่มกาแฟคาปูชิโน่คือช่วยเพิ่มพลังงานและความตื่นตัว การให้ความอบอุ่นในช่วงฤดูหนาว และการเพลิดเพลินกับรสชาติที่นุ่มนวล แต่อย่างไรก็ตามมีข้อควรระวังคือการดื่มคาปูชิโน่ในปริมาณมากเกินไปอาจทำให้ได้รับแคลอรีและน้ำตาลมากเกินไป ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อร่างกายในระยะยาวได้
ส่วนผสมมีอะไรบ้าง
- เมล็ดกาแฟ
- น้ำร้อน
- นมสด
- ฟองนม
สูตรชงกาแฟ
- บดเมล็ดกาแฟประมาณ 18-20 กรัม ให้เป็นผงละเอียด
- ตั้งอุณหภูมิน้ำให้อยู่ที่ประมาณ 90-95 องศาเซลเซียส
- ใส่ผงกาแฟลงในเครื่องชงเอสเพรสโซ่และอัดแน่นอย่างเบาแรง
- ชงเอสเพรสโซ่โดยใช้เวลา 25-30 วินาที จะได้เอสเพรสโซ่ประมาณ 30 มิลลิลิตร
- ต้มนมสดให้อุณหภูมิประมาณ 60-65 องศาเซลเซียส และตีฟองนมให้เนียนนุ่ม
- เทเอสเพรสโซ่ลงในถ้วย
- เติมนมร้อนลงในถ้วยเอสเพรสโซ่
- เติมฟองนมลงบนสุดของถ้วย
เหมาะกับคนที่มีไลฟ์สไตล์ใด
กาแฟคาปูชิโน่ คือกาแฟที่เหมาะกับคนที่ชื่นชอบรสชาติของกาแฟแต่ต้องการความนุ่มนวลและความหวานจากนม เหมาะกับคนที่มีไลฟ์สไตล์ที่ต้องการความอบอุ่นและความผ่อนคลายในช่วงเช้าหรือบ่าย เช่น คนทำงานที่ต้องการผ่อนคลายหลังจากการทำงานหนัก หรือคนที่ชื่นชอบการนั่งพักผ่อนในร้านกาแฟพร้อมกับหนังสือเล่มโปรด
4. กาแฟลาเต้ (Latte)
Latte หรือ กาแฟลาเต้ คือเครื่องดื่มกาแฟที่มีความนุ่มนวลและหวาน เมล็ดกาแฟที่ใช้ในการชงลาเต้มักเป็นเมล็ดอาราบิก้า (Arabica) หรือเมล็ดผสมที่มีการคั่วในระดับกลางถึงเข้ม เพื่อให้ได้รสชาติที่กลมกล่อม กลิ่นของลาเต้มีความหอมของกาแฟและนม รสชาติของลาเต้จะนุ่มนวล มีความเข้มข้นของกาแฟที่ถูกเจือจางด้วยนมร้อน ทำให้มีรสหวานและหอมมัน
ลาเต้มีต้นกำเนิดจากประเทศอิตาลี คำว่า "Latte" มาจากคำว่า "Caffè e latte" ซึ่งแปลว่า "กาแฟและนม" ลาเต้มีความสำคัญในวงการกาแฟเพราะเป็นหนึ่งในเครื่องดื่มกาแฟที่ได้รับความนิยมทั่วโลก และเป็นเครื่องดื่มที่บาริสต้าสามารถสร้างสรรค์ลายศิลปะฟองนม (Latte Art) ได้อย่างสวยงาม
ความแตกต่างระหว่างลาเต้และคาปูชิโน่อยู่ที่ปริมาณนมและฟองนม ลาเต้มีปริมาณนมมากกว่าคาปูชิโน่และมีฟองนมที่บางกว่า ทำให้ลาเต้มีรสชาติที่นุ่มนวลและหวานมากกว่าคาปูชิโน่ที่มีรสชาติเข้มข้นและมีฟองนมหนา
ประโยชน์ของการดื่มลาเต้คือ มีคาเฟอีนที่ช่วยกระตุ้นสมองและระบบประสาท ทำให้รู้สึกตื่นตัวและมีสมาธิมากขึ้น นอกจากนี้นมในลาเต้ยังเป็นแหล่งโปรตีนและแคลเซียมที่ช่วยเสริมสร้างกระดูกและกล้ามเนื้อ อีกทั้งยังมีวิตามินและแร่ธาตุอื่นๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย อย่างไรก็ตามควรดื่มลาเต้ในปริมาณที่พอเหมาะ เพราะหากดื่มมากเกินไปอาจส่งผลต่อการนอนหลับและสุขภาพโดยรวมได้
ส่วนผสมมีอะไรบ้าง
- เมล็ดกาแฟ
- น้ำร้อน
- นมสด
- ฟองนม
สูตรชงกาแฟ
- บดเมล็ดกาแฟประมาณ 18-20 กรัม ให้เป็นผงละเอียด
- ตั้งอุณหภูมิน้ำให้อยู่ที่ประมาณ 90-95 องศาเซลเซียส
- ใส่ผงกาแฟลงในเครื่องชงเอสเพรสโซ่และอัดแน่นแบบไม่ต้องแรงเกินไป
- ชงเอสเพรสโซ่โดยใช้เวลา 25-30 วินาที จะได้เอสเพรสโซ่ประมาณ 30 มิลลิลิตร
- ต้มนมสดให้อุณหภูมิประมาณ 60-65 องศาเซลเซียส และตีฟองนมให้เนียนนุ่ม
- เทเอสเพรสโซ่ลงในถ้วย
- เติมนมร้อนลงในถ้วยเอสเพรสโซ่ โดยใช้ปริมาณนมประมาณ 120-150 มิลลิลิตร ต่อเอสเพรสโซ่ 1 ช็อต
- เติมฟองนมลงบนสุดของถ้วย และอาจทำศิลปะฟองนม (Latte Art) ตามต้องการ
เหมาะกับคนที่มีไลฟ์สไตล์ใด
ลาเต้ คือเครื่องดื่มที่มีรสชาติที่นุ่มนวลและหอมละมุน มีให้เลือกทั้งลาเต้ร้อนและลาเต้เย็น เหมาะสำหรับคนที่ต้องการความผ่อนคลายหรือเพิ่มพลังงานในช่วงเช้า นอกจากนี้ลาเต้ยังเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคนที่ชอบกาแฟแต่ไม่ถูกใจในรสชาติขมมากนัก เนื่องจากนมช่วยลดความขมของกาแฟและทำให้ได้รสชาติที่กลมกล่อมมากขึ้น
5. กาแฟมอคค่า (Mocha)
Mocha กาแฟมอคค่า คือเครื่องดื่มที่มีการผสมผสานระหว่างกาแฟและช็อกโกแลต ทำให้ได้รสชาติที่เข้มข้น หวาน และหอม เมล็ดกาแฟที่ใช้มักจะเป็นเมล็ดอาราบิก้า (Arabica) หรือเมล็ดผสมที่มีการคั่วระดับกลางถึงเข้ม เพื่อให้ได้รสชาติที่กลมกล่อมและเข้ากันได้ดีกับช็อกโกแลต กลิ่นของมอคค่ามีความหอมที่โดดเด่นจากการผสมผสานระหว่างกลิ่นกาแฟและช็อกโกแลต ซึ่งทำให้มีกลิ่นที่หอมนุ่มละมุน รสชาติของมอคค่ามีความหวานจากช็อกโกแลตและความขมเข้มจากกาแฟ ผสานกันอย่างลงตัว
มอคค่ามีต้นกำเนิดจากเมืองโมคค่าในประเทศเยเมน ซึ่งเป็นแหล่งผลิตกาแฟที่มีชื่อเสียงมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 15 คำว่า "Mocha" จึงถูกนำมาใช้เป็นชื่อเรียกกาแฟที่มีส่วนผสมของช็อกโกแลต ความสำคัญของมอคค่าในวงการกาแฟคือการเป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะในหมู่คนที่ชื่นชอบช็อกโกแลตและกาแฟ เป็นทางเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ที่ต้องการเครื่องดื่มที่มีรสชาติหวานและเข้มข้นไปพร้อมๆ กัน
ประโยชน์ของการดื่มมอคค่าคือการเพิ่มพลังงานและความตื่นตัว รวมถึงให้ความรู้สึกผ่อนคลายจากรสชาติหวานของช็อกโกแลต นอกจากนี้ มอคค่ามักมีสารต้านอนุมูลอิสระจากทั้งกาแฟและช็อกโกแลต ซึ่งดีต่อสุขภาพ แต่ข้อควรระวังคือการดื่มมอคค่าในปริมาณมากเกินไปอาจทำให้ได้รับแคลอรีและน้ำตาลมากเกินไป ส่งผลต่อการควบคุมน้ำหนักและสุขภาพโดยรวม
ส่วนผสมมีอะไรบ้าง
- เมล็ดกาแฟ
- น้ำร้อน
- นมสด
- ช็อกโกแลตหรือผงโกโก้
- ฟองนม
สูตรชงกาแฟ
- บดเมล็ดกาแฟประมาณ 18-20 กรัม ให้เป็นผงละเอียด
- ตั้งอุณหภูมิน้ำให้อยู่ที่ประมาณ 90-95 องศาเซลเซียส
- ใส่ผงกาแฟลงในเครื่องชงเอสเพรสโซ่และอัดแน่นอย่างเบามือ
- ชงเอสเพรสโซ่โดยใช้เวลา 25-30 วินาที จะได้เอสเพรสโซ่ประมาณ 30 มิลลิลิตร
- ต้มนมสดให้อุณหภูมิประมาณ 60-65 องศาเซลเซียส และตีฟองนมให้เนียนนุ่ม
- เติมช็อกโกแลตหรือผงโกโก้ลงในถ้วยเอสเพรสโซ่
- เทนมร้อนลงในถ้วยแล้วคนให้เข้ากัน
- เติมฟองนมลงบนสุดของถ้วยและสามารถโรยผงโกโก้เพิ่มเติมหากต้องการ
เหมาะกับคนที่มีไลฟ์สไตล์ใด
มอคค่าคือกาแฟที่เหมาะสำหรับคนที่ชื่นชอบรสชาติหวานและเข้มข้นของช็อกโกแลตและกาแฟ คนที่ต้องการเครื่องดื่มที่ให้ความผ่อนคลายและความสุข เช่น คนที่ทำงานหนักและต้องการพักผ่อนด้วยเครื่องดื่มที่มีรสชาติหวานและหอม หรือคนที่ชื่นชอบการดื่มกาแฟที่มีรสชาติหวานและหอมเป็นพิเศษ
สรุป
กาแฟแต่ละประเภทมีเอกลักษณ์และความหลากหลายที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นเอสเพรสโซ่ที่เข้มข้น ลาเต้ที่นุ่มนวล คาปูชิโน่ที่มีฟองนมหนา หรือมอคค่าที่ผสานรสชาติหวานของช็อกโกแลตกับกาแฟ ทุกประเภทล้วนมีเสน่ห์ที่ดึงดูดใจคอกาแฟอย่างแท้จริง Peaberry Thai นำเข้าเมล็ดกาแฟที่มีคุณภาพหลากหลาย เพื่อให้คุณได้สัมผัสประสบการณ์กาแฟที่ดีที่สุด รวมถึงยังมีเครื่องชงกาแฟที่ช่วยให้คุณสามารถสัมผัสรสชาติและกลิ่นหอมของกาแฟในแบบที่เป็นเอกลักษณ์ ไม่ว่าจะเป็นการชงเอสเพรสโซ่ที่เข้มข้นหรือมอคค่าที่หวานหอม เราพร้อมที่จะช่วยให้คุณได้สัมผัสประสบการณ์กาแฟที่ยอดเยี่ยมในทุกๆ วัน