Key Takeaway
- เครื่องบดกาแฟยี่ห้อไหนดี ควรพิจารณาจากระดับความละเอียด รูปแบบในการบด ความรวดเร็วของการบด ระบบการใช้งานที่ตอบโจทย์ และงบประมาณที่เหมาะสม
- เครื่องบดกาแฟยี่ห้อไหนดี ลองมองหา Compak, Mahlkonig, Varia, และ Pietro Multipurpose Grinder เครื่องบดกาแฟยี่ห้อดัง ที่คอกาแฟไม่ควรพลาด
- Peaberry Thai เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์กาแฟครบวงจร มีเครื่องบดกาแฟ เมล็ดกาแฟ และเครื่องดริปกาแฟ ที่คนรักกาแฟไม่ควรพลาด
การเลือกเครื่องบดกาแฟที่ดีเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่รักการดื่มกาแฟสด โดยการเลือกเครื่องบดกาแฟที่มีคุณภาพ ไม่เพียงแต่ช่วยให้กาแฟมีรสชาติที่ยอดเยี่ยมเท่านั้น แต่ยังช่วยเพิ่มประสบการณ์ในการชงกาแฟให้น่าตื่นเต้น และเพิ่มความสุนทรีย์ให้การดื่มกาแฟได้อีกด้วย แต่หลายคนคงสับสนว่าควรเลือกเครื่องบดกาแฟยี่ห้อไหนดีให้มีคุณภาพ ทนทาน ใช้งานได้งาน และตอบโจทย์กับการใช้งาน ในบทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับเครื่องบดกาแฟ พร้อมแนะนำว่าแต่ละรุ่นว่าเหมาะกับการใช้งานแบบไหน
วิธีเลือกเครื่องบดกาแฟ ให้ได้คุณภาพ
อย่างที่กล่าวไปก่อนหน้านี้ว่าการเลือกเครื่องบดกาแฟที่ดีนั้นเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับคนรักกาแฟทุกคน เพื่อให้ได้กาแฟที่มีรสชาติและกลิ่นหอมที่ถูกใจ แต่หลายคนอาจสงสัยว่าควรเลือกเครื่องบดกาแฟจากอะไร ควรเลือกเครื่องบดกาแฟยี่ห้อไหนดี และควรพิจารณาปัจจัยใดบ้าง มาดูว่าวิธีเลือกเครื่องบดกาแฟ ให้ได้คุณภาพต้องดูที่อะไรบ้าง ดังนี้
1. ระดับความละเอียด
การเลือกเครื่องบดกาแฟที่สามารถปรับระดับความละเอียดได้หลายระดับเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากในการเลือกเครื่องบดกาแฟยี่ห้อไหนดี เพราะการปรับระดับความละเอียดช่วยให้บดเมล็ดกาแฟได้ตามความต้องการของการชงกาแฟในรูปแบบที่หลากหลาย นอกจากนี้ยังเพิ่มความยืดหยุ่นในการใช้งานและทำให้การชงกาแฟมีคุณภาพและความหลากหลายตามที่ต้องการ
2. รูปแบบในการบด
เครื่องบดกาแฟแต่ละยี่ห้อจะมีรูปแบบการบดของเครื่องบดกาแฟมี 2 ประเภทหลัก ได้แก่ แบบใบมีด ซึ่งมีราคาถูกและสามารถบดเมล็ดกาแฟได้หลากหลาย แต่คุณภาพของผงกาแฟอาจไม่สม่ำเสมอ จึงทำให้เหมาะกับการชงกาแฟแบบง่ายๆ และแบบเฟืองบด ซึ่งสามารถบดเมล็ดกาแฟได้ละเอียดและสม่ำเสมอ เหมาะกับการชงกาแฟแบบพิเศษอย่างเอสเพรสโซ่ เป็นต้น
3. ความรวดเร็วของการบด
เทคนิคการเลือกเครื่องบดกาแฟควรดูที่หน่วยรอบต่อนาที (RPM) หากเครื่องบดมีความเร็วรอบสูงจะช่วยประหยัดเวลาและเหมาะกับร้านกาแฟที่ต้องรองรับลูกค้าจำนวนมาก ในขณะที่เครื่องบดที่มีความเร็วรอบต่ำจะเหมาะสำหรับการชงกาแฟที่ต้องการรักษาความร้อนของผงกาแฟได้ดี เหมาะสำหรับคนรักกาแฟที่ต้องการรสชาติที่ยอดเยี่ยม ซึ่งโดยทั่วไปเครื่องบดกาแฟแต่ละยี่ห้อ ควรมีความเร็วที่เหมาะสมของรอบการบดควรอยู่ที่ 1,350 รอบต่อนาทีขึ้นไป
4. ระบบการใช้งานที่ตอบโจทย์
หากกำลังมีคำถามว่าเครื่องบดกาแฟมือหมุนยี่ห้อไหนดี หรือเครื่องบดเมล็ดกาแฟไฟฟ้ายี่ห้อไหนดี อย่ามองข้ามการเลือกเครื่องบดกาแฟที่มีฟังก์ชันการใช้งานที่ช่วยเพิ่มความสะดวกในการชงกาแฟ เช่น ฟังก์ชันตั้งเวลาบดที่ช่วยควบคุมปริมาณการบดได้อย่างแม่นยำและประหยัดเวลา และระบบทำความสะอาดอัตโนมัติที่ช่วยให้การดูแลรักษาเครื่องบดกาแฟง่ายขึ้น ทั้งหมดนี้จะช่วยให้ได้สัมผัสกับรสชาติและกลิ่นหอมของกาแฟที่ยอดเยี่ยมทุกวันอย่างสะดวกสบาย
5. งบประมาณ
ในปัจจุบันเครื่องบดกาแฟมีหลายช่วงราคาให้เลือกตามงบประมาณและสไตล์การใช้งาน ซึ่งสามารถตอบโจทย์ทั้งการใช้งานในบ้านและร้านกาแฟ แต่การเลือกซื้อเครื่องบดกาแฟควรพิจารณาไม่ให้เลือกเครื่องที่มีราคาถูกมากจนเกินไป เพราะราคาที่ต่ำอาจสะท้อนถึงคุณภาพที่ต่ำของตัวเครื่อง ดังนั้นการลงทุนในเครื่องบดกาแฟที่มีราคาสมเหตุสมผลและคุณภาพดีจะช่วยให้ได้กาแฟที่มีรสชาติยอดเยี่ยมและเครื่องบดที่ทนทานในระยะยาว
เลือกเครื่องบดกาแฟยี่ห้อไหนดี ให้ใช้ทนทาน
เลือกเครื่องบดกาแฟยี่ห้อไหนดี? เครื่องบดกาแฟที่ดีไม่เพียงแต่ช่วยให้ได้สัมผัสกับรสชาติและกลิ่นหอมของกาแฟที่ยอดเยี่ยม แต่ยังเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าในระยะยาว เพราะเครื่องบดกาแฟที่มีคุณภาพดีจะช่วยให้การชงกาแฟมีความสม่ำเสมอและมีประสิทธิภาพ แต่การเลือกเครื่องบดกาแฟที่ใช้งานได้ทนทานนั้นอาจไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะแต่ละรุ่นก็จะมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันไป ซึ่งจะมีรายละเอียดอย่างไรบ้าง ไปดูกัน
1. Compak
หากกำลังมองหาว่าควรเลือกเครื่องบดกาแฟยี่ห้อไหนดี? เครื่องบดกาแฟ Compak หนึ่งในแบรนด์ที่ได้รับความนิยม ด้วยการออกแบบที่ทันสมัยและเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยอาจเป็นคำตอบ โดยเครื่องบดกาแฟ Compak มุ่งเน้นการให้ผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมในการบดเมล็ดกาแฟ ซึ่งด้างล่างนี้เราได้นำเครื่องบดกาแฟ Compak รุ่นที่น่าสนใจมาฝากกันด้วย ดังต่อไปนี้
Compak E6
เครื่องบดกาแฟ Compak E6 เป็นเครื่องบดที่มีขนาด 215 X 635 X 400 มิลลิเมตร และน้ำหนักประมาณ 11.58 กิโลกรัม ซึ่งเหมาะสำหรับการตั้งวางในพื้นที่จำกัด ทั้งในบ้านและในร้านกาแฟขนาดเล็ก มาพร้อมกับโถกาแฟที่มีความจุ 1.7 กิโลกรัม และกำลังไฟที่ 730 วัตต์ ใช้เฟืองบดขนาด 64 มิลลิเมตร และประเภทจานบดแบบแบน (Flat Burr)
- จุดเด่น: มีตัวช่วยระบบ Parallrel System เพื่อการตั้งค่าที่มั่งคง ระบบหน้าจอสัมผัส พร้อมทั้งระบบการตั้งค่าการบดล่วงหน้าสูงสุดถึง 3 เมนู
COMPAK E6 (New Model)
เครื่องบดกาแฟ COMPAK E6 (New Model) มีขนาดกะทัดรัดที่ 230 X 600 X 385 มิลลิเมตร และน้ำหนักประมาณ 13.20 กิโลกรัม ทำให้สะดวกในการจัดวางในพื้นที่จำกัด และมาพร้อมกับโถกาแฟที่มีความจุ 1.25 กิโลกรัมซึ่งช่วยลดความถี่ในการเติมเมล็ดกาแฟ กำลังไฟ 630 ช่วยให้มีการบดที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ โดยไม่ทำให้เกิดความร้อนเกินไป นอกจากนี้เครื่องบดนี้ใช้จานบดแบบแบน (Flat Burr) ซึ่งเหมาะอย่างมากสำหรับร้านกาแฟที่ต้องการควบคุมกาแฟให้เหมาะสมอยู่เสมอ
มีมอเตอร์ทรงพลัง ที่ช่วยให้การบดกาแฟเป็นเรื่องง่าย ทำงานอย่างต่อเนื่อง รักษาคุณภาพกาแฟในการบดด้วย Micrometric Grinding ที่แม่นยำ สามารถบดเมล็ดกาแฟ Espresso 7 กรัมต่อ 1.6 วินาที (โดยประมาณ) มาพร้อมกับหน้าจอ LCD ระบบสัมผัส สามารถตั้งเวลาในการบดได้ง่ายถึงเศษส่วนของวินาที และยังรวมถึง Porta-Fork ที่สามารถปรับขนาดให้เข้ากับ Portafilter เพื่อให้ยึดก้านชงไว้ขณะบดกาแฟ โดยรุ่น E6 นี้จะมีเฟือง Flat burr ขนาด 64 มิลลิเมตร
- จุดเด่น: ระบบ Parallrel System ที่ช่วยในเรื่องการตั้งค่าไม่ให้คลาดเคลื่อน ทั้งยังมาพร้อมกับการใช้งานได้หลากหลายภาษาเพื่อความสะดวกสบาย
Compak E8
เครื่องบดกาแฟ Compak E8 มีขนาด 635 X 215 X 400 มิลลิเมตรที่เหมาะสมและน้ำหนักที่คงที่ ซึ่งทำให้การตั้งวางและใช้งานสะดวก ขนาดเฟืองบดที่ใหญ่ถึง 83 มิลลิเมตร พร้อมด้วยจานบดแบบแบน (Flat Burr) โดยเครื่องบดนี้มาพร้อมกับโถกาแฟที่มีความจุ 1.7 กิโลกรัม และกำลังไฟที่ 220/730 วัตต์ ทำให้สามารถบดเมล็ดกาแฟในปริมาณมากได้อย่างรวดเร็วจึงเหมาะสำหรับร้านกาแฟนั้นเอง
- จุดเด่น: ระบบการปรับระดับความละเอียดการบดแบบ Stepless ที่แม่นยำในระดับ Micrometrical ทั้งยังสามารถตั้งโปรแกรมบดได้ถึง 3 โปรแกรม
Compak E8 RS
เครื่องบดกาแฟ Compak E8 RS มีขนาด 635 X 215 X 400 มิลลิเมตร ซึ่งเป็นรุ่นที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการของร้านกาแฟที่มีการใช้งานหนัก และต้องการคุณภาพการบดที่ยอดเยี่ยม มาพร้อมกับเฟืองบดขนาด 83 มิลลิเมตร ประเภทจานบดแบบแบน (Flat Burr) โถกาแฟของ E8 RS มีความจุ 1.7 กิโลกรัม และกำลังไฟ 610 วัตต์
เฟืองบด Redspeed มีขนาด 83 มิลลิเมตร ที่ช่วยดึงรสชาติของกาแฟให้ชัดขึ้น และมีความทนทานกว่าเฟืองปกติถึง 6 เท่า เทคโนโลยี Micrometric Grinding บดกาแฟ 18 กรัมภายใน 4.5 วินาที ตอบโจทย์ร้านกาแฟที่ต้องการความรวดเร็วในการทำงาน ตั้งค่าระยะเวลาบดล่วงหน้าได้ถึง 3 โปรแกรม พร้อมระบบแจ้งเตือนการเปลี่ยนเฟืองบดเมื่อถึงรอบ
- จุดเด่น: ระบบการปรับระดับความละเอียดการบดแบบ Stepless ที่แม่นยำในระดับ Micrometrical ทั้งยังสามารถตั้งโปรแกรมบดได้ถึง 3 โปรแกรม
Compak K6
เครื่องบดกาแฟ Compak K6 มีขนาด 635 X 215 X 400 มิลลิเมตร และน้ำหนัก 11.50 กิโลกรัมซึ่งเป็นรุ่นที่ออกแบบมาเพื่อการใช้งานในร้านกาแฟขนาดกลางถึงใหญ่ ด้วยขนาดเฟืองบดที่ 64 มิลลิเมตร แบบคอนิก (Conical Burrs) ที่ช่วยให้การบดเมล็ดกาแฟมีความละเอียดและสม่ำเสมอสูง ขนาดโถกาแฟที่ 1.7 กิโลกรัมและกำลังไฟ 220/250 วัตต์ ทำให้สามารถบดเมล็ดกาแฟได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ โดยไม่ทำให้เกิดความร้อนเกินไป
เครื่องบดกาแฟ Compak K6 รังสรรค์กาแฟคุณภาพระดับมืออาชีพ ผลิตในประเทศสเปน เป็นเครื่องบดที่ได้รับการยอมรับในเรื่องของความแข็งแรง ทนทาน เหมาะสมสำหรับผู้ประกอบการ ที่ต้องการเครื่องบดกาแฟคู่ใจประจำร้าน แบบไร้ปัญหาจุกจิกให้กวนใจ ที่สำคัญ ขนาดผงกาแฟที่ได้ ยังมีความละเอียด สม่ำเสมอ ทำให้ทุกแก้วที่ชง มีรสชาติสม่ำเสมอเท่าๆ กันในทุกแก้วนั่นเอง
โดยเครื่อง Compak K6 มีด้ามปัด ที่ผลิตจากวัสดุโลหะ ความเร็วของมอเตอร์ 1,250 รอบต่อนาที มาพร้อมกับเฟืองบดขนาด 64 มิลลิเมตร การันตีว่าพร้อมรับมือกับทุกจำนวนออเดอร์ที่เข้ามา
- จุดเด่น: สามารถตั้งโปรแกรมบดได้ถึง 3 โปรแกรม มาพร้อมกับหน้าจอสัมผัส เพิ่มความทันสมัย และระบบนับจำนวนการใช้งาน รวมไปจนถึงการแจ้งเตือนเมื่อมีการเปลี่ยนเฟืองบด
2. Mahlkonig
เลือกเครื่องบดกาแฟยี่ห้อไหนดี? เครื่องบดกาแฟ Mahlkonig ยังถือเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่ได้รับความนิยมและเชื่อถือด้วยการมุ่งมั่นในการพัฒนาเทคโนโลยีการบดที่ทันสมัย จึงทำให้เครื่องบดกาแฟ Mahlkonig จึงโดดเด่นในเรื่องการบดเมล็ดกาแฟ โดยมีรุ่นที่แนะนำ ดังนี้
Mahlkonig EK43ST
เครื่องบดกาแฟ Mahlkonig EK43ST ด้วยขนาด 230 X 680 X 410 มิลลิเมตร น้ำหนัก 26 กิโลกรัม ซึ่งมาพร้อมกับเฟืองบดขนาดประเภท Flat Burr (Coffee Burr) 98 มิลลิเมตร ขนาดโถกาแฟที่ 0.8 กิโลกรัม และกำลังไฟที่ 220-240/1300 วัตต์ จึงทำให้เป็นเครื่องบดกาแฟที่เหมาะกับการใช้ในบ้าน และร้านกาแฟขนาดเล็ก
เน้นช่วงความละเอีบดระดับกลาง หรือความละเอียดสำหรับ Espresso ที่ละเอียดน้อยกว่า สามารถใช้บด Espresso ได้ แต่ไม่เหมาะที่จะปรับแบบละเอียดมากๆ บ่อยครั้ง เน้นไประดับบดที่หยาบมากขึ้น เช่น สำหรับ Aeropress, Delter, Siphon, French Press, Slowbar หรือกาแฟดริป เป็นต้น
- จุดเด่น: เหมาะอย่างมากสำหรับการบดกาแฟ Single Dose ที่สามารถเปลี่ยนระดับความละเอียดได้ทุกการบดโดยไม่มีผงติดค้าง ซึ่งให้การบดที่ละเอียดมากกว่าซึ่งจะทำให้กาแฟมีมิติที่ลึกด้วยรสชาติที่เข้มกว่า
Mahlkonig EK43T
เครื่องบดกาแฟ Mahlkonig EK43T มีขนาด 230 X 828 X 410 มิลลิเมตร และน้ำหนัก 26 กิโลกรัม มาพร้อมกับเฟืองบดประเภท Flat Burr (Turkish Bur) ขนาด 98 มิลลิเมตร ขนาดโถกาแฟ 1.5 กิโลกรัมและกำลังไฟ 220-240/1300 วัตต์ ทำให้เหมาะสำหรับการใช้งานในร้านกาแฟที่กำลังมองหาเครื่องบดกาแฟที่สามารถบดเมล็ดกาแฟในปริมาณมากอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
เครื่องบดกาแฟสไตล์นี้ จะบดกาแฟที่มีความละเอียดสูงมาก โดยละเอียดมากถึงระดับเป็นผงแป้งเลย เพื่อนำไปใช้ชงกับน้ำ และจะดื่มทั้งน้ำทั้งผงไปด้วยกัน ดังนั้น Turkish Bur จึงเป็นเฟืองบด ที่สามารถบด และเน้นในช่วงของการบดละเอียดระดับ Espresso หรือละเอียดมากกว่านั้น ซึ่งเหมาะสำหรับการบดที่เน้นความละเอียดของการชงกาแฟ Espresso
- จุดเด่น: ความละเอียดมีให้เลือกตั้งแต่ระดับ Filter จนไปถึง Espresso โดยมีเฟืองมีอายุการใช้งานถึง 6,000 กิโลกรัม ทั้งยังมาพร้อมชุดสปริงที่แข็งแรงเพื่อช่วยป้องกันไม่ใช้มีผงติดค้างด้านใน
Mahlkonig E65S GBW
เครื่องบดกาแฟ Mahlkonig E65S GBW ขนาด 195 X 620 X 283 มิลลิเมตร น้ำหนัก 12.2 กิโลกรัม มาพร้อมกับเฟืองบดขนาด 65 มิลลิเมตร ขนาดโถกาแฟ 1.2 กิโลกรัม และกำลังไฟ 220-240/440 วัตต์ ทำให้เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับร้านกาแฟที่ต้องการเครื่องบดที่มีประสิทธิภาพสูงและใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- จุดเด่น: ระบบการตั้งค่าเฟืองบดแบบ Stepless ที่ให้ความละเอียดระดับ Micron ทั้งยังมาพร้อมกับการบดเสียงเงียบ และช่องทางออกสำหรับผงกาแฟ
Mahlkonig E80 GBW
เครื่องบดกาแฟ Mahlkonig E80 GBW มีขนาด 240 X 630 X 340 มิลลิเมตร น้ำหนัก 18 กิโลกรัม มาพร้อมกับเฟืองบดประเภทจานบดแบบแบน (Flat Burr) ขนาด 80 มิลลิเมตร ขนาดโถกาแฟ 1.8 กิโลกรัม และกำลังไฟ 220-240/600 วัตต์ เหมาะสำหรับร้านกาแฟที่กำลังมองหาเครื่องบดกาแฟที่มีคุณภาพการบดที่ดีที่สุด
สำหรับเครื่องบดกาแฟประเภทนี้ สายเปิดร้านกาแฟ ผู้ประกอบการร้านคาเฟ่ต้องชอบ ด้วยเทคโนโลยี GBW (Grind by Weight) ที่จะช่วยให้การทำงานของบาริสต้า มีความรวดเร็ว ตอบสนอง และรองรับลูกค้าจำนวนมากได้ง่ายยิ่งขึ้น และยังคงคุณภาพของผงกาแฟได้เป็นอย่างดี ลดการสูญเสียผงกาแฟ ช่วยประหยัดต้นทุน โดยมาพร้อมกับเฟืองบดขนาด 80 มิลลิเมตร และมอเตอร์เต็มประสิทธิภาพทุกการบดกาแฟ
- จุดเด่น: ด้วยนวัตกรรมอัตโนมัติ Grind by Weight ที่ช่วยให้สามารถควบคุมปริมาณผงกาแฟได้แม่นยำ ทั้งยังมาพร้อมกับระบบ Cooling System ที่ช่วยควบคุมอุณหภูมิของเฟืองบดกาแฟ และหน้าจอ LED High Resolution ขนาด 83 มิลลิเมตร ที่มีปุ่มหมุนการตั้งค่าต่างๆ อีกด้วย
Mahlkonig EK Omnia
เครื่องบดกาแฟ Mahlkonig EK Omnia มาในขนาด 214 X 663 X 390 มิลลิเมตร น้ำหนัก 28 กิโลกรัม มาพร้อมกับเฟืองบดขนาด 98 มิลลิเมตร ขนาดโถกาแฟ 250 กรัม และกำลังไฟ 220-240/750 วัตต์ จึงทำให้เครื่องบดนี้เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับร้านกาแฟ
สายสเปเชียลตี้ คอกาแฟ ต้องการการบดกาแฟแบบพรีเมียม ห้ามพลาดเครื่องบดรุ่นใหม่ ที่จะยกระดับมาตรฐานการบดแบบใหม่ แบบ Single Dose บดเมล็ดกาแฟได้แบบแก้วต่อแก้ว มาพร้อมกับเฟืองบดขนาดใหญ่ถึง 98 มิลลิเมตร และการตั้งค่าเฟืองบดเป็นแบบ Stepless ตั้งค่าระยะห่างเฟืองบดระดับ Micron ที่มาพร้อมกับโหมด Grind-by-Time ที่สามารถบันทึกได้ถึง 6 สูตร รวมถึงตัวเครื่องบดที่ทันสมัย ด้วยระบบการทำงานของ EK ช่วยลดการตกค้างของผงกาแฟ ทำให้ทุกโดสที่ออกมา มั่นใจได้เลยว่าคุณภาพเต็มแก้วแน่นอน
- จุดเด่น: มีโหมดให้เลือกใช้งานถึง 3 โหมดทั้ง Classic Mode, Time Mode และ Library Mode ทั้งยังมีปุ่มเปิด/ปิด แบบ LED Illuminating O Ring ที่ทำให้สามารถใช้งานได้ง่าย นอกจากนี้ยังมี WIFI สำหรับการอัปเดตโปรแกรมเครื่องบดอีกด้วย
3. Varia
เลือกเครื่องบดกาแฟยี่ห้อไหนดี? เครื่องบดกาแฟ Varia นำเสนอทางเลือกที่โดดเด่นสำหรับคนรักกาแฟที่มองหาคุณภาพและความทนทานในระดับสูง ด้วยการออกแบบที่พิถีพิถันและการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย เครื่องบดกาแฟ Varia มีความสามารถในการบดเมล็ดกาแฟอย่างแม่นยำและสม่ำเสมอ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างประสบการณ์การดื่มกาแฟที่ยอดเยี่ยม
Varia VS3 Grinder (Gen2)
เครื่องบดกาแฟ Varia VS3 Grinder (Gen2) มาในขนาด 90 X 310 X 147 มิลลิเมตร น้ำหนัก 3.5 กิโลกรัม เฟืองบดแบบคอนิก (Conical Burrs) ขนาด 38 มิลลิเมตร โดยมีขนาดโถกาแฟ 1.2 กิโลกรัม และกำลังไฟ 500 วัตต์ จึงทำให้เครื่องบดกาแฟนี้เหมาะกับการใช้ภายในบ้านที่ไม่ต้องได้มีการบดในปริมาณที่มาก นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชันการตั้งเวลาและการทำความสะอาดที่สะดวก ซึ่งช่วยเพิ่มความสะดวกในการใช้งานและการดูแลรักษา
เครื่องบดกาแฟรุ่นนี้ ถูกออกแบบมาให้เรียบหรู ทันสมัย การันตีด้วยรางวัล Good Design Product Award จาก SCAJ 2022 เวทีการประกวดจากประเทศญี่ปุ่น ผลิตด้วยวัสดุที่มีคุณภาพสูง และเต็มประสิทธิภาพการใช้งานด้วยเฟือง High Nitrogen 420 Stainless Steel ขนาด 38 มิลลิเมตร ลดอัตราผงกาแฟที่ค้างในห้องบด (Zero Retention) ด้วยการออกแบบให้ลาดเอียง 76.5 องศา เหมาะสำหรับการบดเมล็ดกาแฟในการชงทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นเอสเปรสโซ่ กาแฟดริป หรือกาแฟสกัดเย็น (Cold Brew)
- จุดเด่น: เหมาะอย่างมากสำหรับการบดกาแฟระดับ Medium และ Light to Medium ด้วยความสามารถในการเปลี่ยนเฟืองพิเศษ Hypernova Burr
4. Pietro Pro Brewing
เลือกเครื่องบดกาแฟยี่ห้อไหนดี? มาถึงเครื่องบดรุ่นสุดท้าย เอาใจสายกาแฟเครื่องบดมือหมุนอย่าง Pietro Pro Brewing ฉีกกฏเครื่องบดกาแฟแบบมือหมุน ด้วยดีไซน์ที่โดดเด่น ไม่เหมือนใคร พร้อมรังสรรค์รสชาติกาแฟที่คุณต้องการ
Pietro Pro Brewing (M-Model Burrs) ถูกออกแบบมาเพื่อการชงกาแฟแบบ Filter โดยเฉพาะ เพื่อให้ได้กลิ่นหอม และรสชาติกาแฟที่ชัดเจน ด้วยเฟือง Flat Burrs ขนาด 58 มิลลิเมตร ทำมาจากเหล็กกล้า M340 ที่ทนทานกว่าเฟืองทั่วไปถึง 5 เท่า
การใช้งานก็ง่ายต่อการตั้งค่า สามารถปรับความหยาบ ความละเอียด ด้วยตัวเลขที่ชัดเจน และมีกลไลช่วยลดการตกค้างของผงกาแฟบดอีกด้วย พร้อมฝาปิดที่ช่วยรักษากลิ่นหอมของกาแฟ ให้เหมือนเพิ่งเทเมล็ดกาแฟออกจากถุง
- จุดเด่น: เฟืองบดมีความทนทานมากกว่าเฟืองทั่วไปถึง 5 เท่า สามารถรับความละเอียดของเมล็ดกาแฟที่บดได้ และมีกลไกในการลดการตกค้างของผงกาแฟที่บดแล้ว
สรุป
ในการเลือกเครื่องบดกาแฟยี่ห้อไหนดี ควรพิจารณาหลายปัจจัย เช่น ความทนทาน ขนาดเฟืองบด และความสามารถในการปรับระดับความละเอียดของการบด เครื่องบดที่มีคุณภาพจะช่วยให้กาแฟมีความละเอียดและสม่ำเสมอสูง ซึ่งมีผลสำคัญต่อรสชาติของกาแฟ เครื่องบดที่เราแนะนำมีคุณสมบัติและข้อดีที่แตกต่างกันไปตามความต้องการใช้งาน สำหรับผู้ที่มองหาเครื่องบดกาแฟที่ทนทานและบดง่าย พร้อมเมล็ดกาแฟและอุปกรณ์เสริมอื่นๆ Peaberry Thai เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์กาแฟครบวงจร มีเครื่องบดกาแฟ เมล็ดกาแฟ และเครื่องดริปกาแฟ ที่คนรักกาแฟไม่ควรพลาด