ชาเขียวและมัทฉะเป็นเครื่องดื่มยอดนิยมที่มีต้นกำเนิดจากพืชชนิดเดียวกัน นั่นคือ "คาเมลเลีย ซิเนนซิส" (Camellia sinensis) ซึ่งเป็นพืชชาที่ถูกนำมาแปรรูปให้ได้ผลิตภัณฑ์ชาในรูปแบบต่างๆ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าทั้งชาเขียวและมัทฉะจะมีแหล่งที่มาจากพืชชนิดเดียวกัน แต่กระบวนการผลิต วิธีการบริโภค และประโยชน์ต่อสุขภาพกลับมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน ส่งผลต่อรสชาติและคุณสมบัติทางโภชนาการของชาแต่ละประเภท
กระบวนการผลิตที่แตกต่างกัน
ชาเขียวเป็นชาที่ได้จากการเก็บใบชามาแล้วนำไปผ่านกระบวนการอบแห้ง หรือผ่านความร้อนเพื่อหยุดการหมัก จากนั้นนำใบชามาอบหรือนึ่งเพื่อรักษาสารสำคัญต่างๆ ที่มีอยู่ในใบชา กระบวนการนี้ช่วยให้ใบชายังคงความสดใหม่และคงคุณค่าทางสารอาหารไว้มากที่สุด เมื่อนำมาชงดื่ม น้ำชาที่ได้จะมีสีเขียวใส รสชาติค่อนข้างฝาดเล็กน้อยแต่ให้ความสดชื่น ตรงกันข้ามกับมัทฉะ ซึ่งเป็นชาเขียวที่ผ่านกระบวนการปลูกและแปรรูปที่แตกต่างจากชาเขียวทั่วไป โดยในช่วง 20-30 วันก่อนการเก็บเกี่ยว ต้นชาจะถูกคลุมไว้ไม่ให้โดนแสงแดดโดยตรง ซึ่งกระบวนการนี้ส่งผลให้ต้นชาผลิตคลอโรฟิลล์ในปริมาณที่สูงขึ้นทำให้ใบชามีสีเข้มมากขึ้น หลังจากการเก็บเกี่ยว ใบชาจะถูกนำไปนึ่งเพื่อรักษาสีเขียวสดของใบ และบดจนกลายเป็นผงละเอียด ทำให้มัทฉะมีสีเขียวสดใส และเมื่อนำมาชงดื่ม เราจะบริโภคใบชาทั้งหมด แทนที่จะเป็นเพียงแค่น้ำที่สกัดจากใบชาเหมือนชาเขียวทั่วไป
ประเภทของมัทฉะ
มัทฉะแบ่งออกเป็นหลายเกรดตามคุณภาพและลักษณะการใช้งาน โดยทั่วไปสามารถแบ่งออกเป็นสองประเภทหลัก ได้แก่ เกรดพิธีกรรม (Ceremonial Grade) และเกรดประกอบอาหาร (Culinary Grade)
- เกรดพิธีกรรม (Ceremonial Grade) เป็นมัทฉะที่มีคุณภาพสูงสุด มักใช้ในพิธีชงชาแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น ใบชาที่ใช้จะเป็นใบอ่อนจากส่วนยอดของต้นชา ทำให้มีรสชาติที่กลมกล่อม หวานนุ่มละมุน และไม่ขม สีของผงมัทฉะเกรดนี้จะมีสีเขียวสดใส และเนื้อสัมผัสละเอียดมาก
- เกรดประกอบอาหาร (Culinary Grade) เป็นมัทฉะที่มีคุณภาพรองลงมา มักใช้ในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม เช่น การทำขนม เบเกอรี่ และลาเต้ มัทฉะเกรดนี้มักมีรสขมกว่ามัทฉะเกรดพิธีกรรมเล็กน้อย สีจะออกเขียวเข้มหรือเขียวอมเหลือง และเนื้อสัมผัสจะหยาบกว่ามัทฉะเกรดสูง
การเลือกมัทฉะให้เหมาะสมกับการใช้งานเป็นสิ่งสำคัญ หากต้องการดื่มมัทฉะบริสุทธิ์โดยไม่ผสมส่วนผสมอื่น ควรเลือกเกรดพิธีกรรมเพื่อสัมผัสรสชาติที่ดีที่สุด แต่หากต้องการใช้ทำขนมหรือเครื่องดื่มอื่นๆ มัทฉะเกรดประกอบอาหารก็เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมและมีราคาย่อมเยากว่า
ความแตกต่างของรสชาติและลักษณะการบริโภค
ด้วยกระบวนการผลิตที่แตกต่างกัน ทำให้รสชาติของชาเขียวและมัทฉะมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ชาเขียวมักจะมีรสชาติที่ค่อนข้างฝาดเล็กน้อย มีความขมที่ปลายลิ้น แต่ให้ความสดชื่นหลังดื่ม ส่วนมัทฉะมีรสชาติเข้มข้น กลมกล่อม และมีความหวานละมุนจากกรดอะมิโนที่เพิ่มขึ้นระหว่างกระบวนการปลูกแบบเฉพาะตัว
ในแง่ของวิธีการบริโภค ชาเขียวมักถูกนำมาชงในน้ำร้อนโดยการแช่ใบชาและกรองน้ำชาออกก่อนดื่ม สามารถดื่มได้ทั้งแบบร้อนและเย็น ส่วนมัทฉะนั้นมักถูกนำมาชงโดยการตีผงมัทฉะกับน้ำร้อนด้วยเครื่องตีชา (Chasen) จนเกิดฟองละเอียด การบริโภคมัทฉะจึงทำให้เราได้รับสารอาหารจากใบชาทั้งหมดโดยตรง นอกจากนี้ มัทฉะยังนิยมถูกนำไปใช้เป็นส่วนผสมในขนมและเครื่องดื่มอื่นๆ เช่น ไอศครีมมัทฉะ หรือมัทฉะลาเต้
ประโยชน์ต่อสุขภาพของชาเขียวมัทฉะ
ชาเขียวและมัทฉะต่างอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการช่วยปกป้องเซลล์ในร่างกายจากความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระที่อาจนำไปสู่โรคร้ายแรง เช่น โรคมะเร็ง และโรคหัวใจ นอกจากนี้ คาเทชิน (Catechins) ซึ่งเป็นสารประกอบฟีนอลิกในชาเขียว ยังช่วยลดการอักเสบ และส่งเสริมสุขภาพหัวใจโดยช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและความดันโลหิต แต่มัทฉะมีปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระสูงกว่าชาเขียวทั่วไป เนื่องจากเป็นการบริโภคใบชาทั้งหมด ส่งผลให้ได้รับสารอาหารในปริมาณมากขึ้น นอกจากนี้ มัทฉะยังมีแอล-ธีอะนีนสูง ซึ่งเป็นกรดอะมิโนที่ช่วยส่งเสริมการทำงานของสมอง ลดความเครียด และเพิ่มสมาธิ ทำให้มัทฉะเป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมในกลุ่มผู้ที่ต้องการความผ่อนคลายควบคู่ไปกับการตื่นตัว
คาเฟอีนในชาเขียวมัทฉะ
ถึงแม้ว่าทั้งชาเขียวและมัทฉะจะมีคาเฟอีน แต่ปริมาณคาเฟอีนในมัทฉะจะสูงกว่าชาเขียวทั่วไป เนื่องจากมีการบริโภคใบชาทั้งหมด คาเฟอีนในมัทฉะทำงานร่วมกับแอล-ธีอะนีน ทำให้เกิดพลังงานที่ค่อยๆ ปลดปล่อยออกมา ช่วยให้ตื่นตัวอย่างต่อเนื่องและลดความกระวนกระวาย ต่างจากคาเฟอีนในกาแฟที่ให้พลังงานรวดเร็วและอาจทำให้เกิดอาการใจสั่นในบางคน
ควรเลือกดื่มอะไรดีระหว่างชาเขียวหรือมัทฉะ?
การเลือกบริโภคชาเขียวหรือมัทฉะขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละบุคคล หากต้องการเครื่องดื่มที่ให้ความสดชื่น มีคาเฟอีนต่ำกว่า และมีรสชาติที่อ่อนโยนกว่า ชาเขียวอาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม ในทางกลับกัน หากต้องการได้รับสารต้านอนุมูลอิสระและแอล-ธีอะนีนในปริมาณที่สูงขึ้น รวมถึงต้องการพลังงานที่ยาวนานและสมาธิที่ดีขึ้น มัทฉะจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า
สรุป
มัทฉะเป็นชาเขียวรูปแบบหนึ่งที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพสูง เนื่องจากผ่านกระบวนการปลูกและแปรรูปที่ช่วยรักษาสารอาหารสำคัญ โดยเฉพาะสารต้านอนุมูลอิสระและแอล-ธีอะนีน ซึ่งช่วยเพิ่มสมาธิและลดความเครียด ต่างจากชาเขียวทั่วไปที่ดื่มเพียงน้ำสกัดจากใบชา มัทฉะให้การบริโภคใบชาทั้งหมด ทำให้ได้รสชาติ และสัมผัสของใบชาที่เข้มข้นมากกว่า Peaberry Thai คัดสรรมัทฉะคุณภาพสูง นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น เพื่อให้คุณได้สัมผัสรสชาติแท้ๆ ไม่ว่าจะเป็น ผงมัทฉะสำหรับเมนูเครื่องดื่มเย็น หรือผงมัทฉะสำหรับเมนูปั่น และผงเพียวมัทฉะแท้ที่ไม่มีส่วนผสมของนม และน้ำตาล เหมาะสำหรับชงทั้งดื่มได้ทั้งร้อนและเย็นเพื่อการรับรสชาติและประโยชน์อย่างเต็มที่จากมัทฉะ