Key Takeaway
- เมล็ดกาแฟสามารถเก็บได้นานประมาณ 6 เดือนถึง 1 ปี หากมีวิธีเก็บเมล็ดกาแฟที่ถูกต้อง
- 4 ปัจจัยหลักที่ทำลายรสชาติของเมล็ดกาแฟ ได้แก่ ออกซิเจน ความชื้น ความร้อน และแสงแดด
- การเก็บเมล็ดกาแฟให้ถูกวิธีมีความสำคัญอย่างมาก เพราะส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพและรสชาติของกาแฟที่เราดื่ม หากเก็บไม่ถูกต้อง เมล็ดกาแฟจะสูญเสียความสดใหม่และรสชาติที่ดี
- แนะนำให้มาที่ Peaberry Thai ที่นี่มีกาแฟคั่วสดใหม่ เก็บไว้ได้นาน เหมาะสำหรับคอกาแฟ พร้อมตัวเลือกรสชาติกาแฟมากมาย
เคยสงสัยกันไหมว่าทำไมกาแฟที่เก็บไว้ถึงรสชาติไม่เหมือนใหม่? มาไขข้อสงสัยกันว่าเมล็ดกาแฟเก็บได้นานแค่ไหน พร้อมแนะนำวิธีเก็บรักษาเมล็ดกาแฟให้อยู่ได้นาน รสชาติเหมือนใหม่ ไม่มีกลิ่นอับชื้น
ไขข้อสงสัย เมล็ดกาแฟเก็บได้นานแค่ไหน
เมล็ดกาแฟเก็บได้นานแค่ไหน? ขึ้นอยู่กับวิธีการเก็บด้วย หากมีวิธีเก็บเมล็ดกาแฟที่ถูกต้อง โดยทั่วไปแล้วเมล็ดกาแฟสามารถเก็บได้นานประมาณ 6 เดือนถึง 1 ปี ซึ่งเมล็ดกาแฟนั้นควรเก็บในที่แห้งและเย็น ปิดบรรจุภัณฑ์ให้สนิท จะได้ป้องกันการสูญเสียกลิ่นและรสชาติ เพราะการเปิดบรรจุภัณฑ์บ่อยจะทำให้มีอากาศเข้าไปจนส่งผลต่อคุณภาพของกาแฟ และไม่ควรเปิดกล่องเก็บเมล็ดกาแฟบ่อยครั้ง เพื่อการรักษาคุณภาพและรสชาติให้ยาวนานที่สุด
การเก็บกาแฟทั้งเมล็ดกาแฟและกาแฟที่คั่วแล้วไว้นานเกินไป แม้จะเก็บอย่างถูกวิธี ก็อาจส่งผลให้รสชาติและกลิ่นจางหายไปได้ เนื่องจากการออกซิเดชันและการสูญเสียความสด ทำให้กาแฟมีรสชาติไม่ดี กลิ่นไม่หอมเหมือนแรกผลิต และอาจมีความชื้นสะสมจนทำให้เกิดเชื้อราได้อีกด้วย
ดังนั้น เพื่อให้ได้รสชาติที่ดีที่สุด ควรบริโภคเมล็ดกาแฟภายในระยะเวลาที่แนะนำ รวมถึงเก็บรักษาในภาชนะที่ปิดสนิทและอยู่ในที่เย็นและมืด ช่วยลดการเสื่อมสภาพของกาแฟ
4 ปัจจัยหลัก ที่ทำลายรสชาติของเมล็ดกาแฟ
ก่อนไปดูวิธีการเก็บเมล็ดกาแฟ เราต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับ 4 ปัจจัยหลักที่ทำลายรสชาติของเมล็ดกาแฟก่อน เพื่อป้องกันไม่ให้ปัจจัยเหล่านี้ทำให้อายุของรสชาติกาแฟสั้นลง โดยมีปัจจัยหลัก ดังนี้
- ออกซิเจน: เมื่อเมล็ดกาแฟสัมผัสกับอากาศออกซิเจนจะทำให้เกิดการออกซิเดชัน ทำให้รสชาติและกลิ่นของกาแฟมีคุณภาพลดลงได้
- ความชื้น: เมล็ดกาแฟควรมีความชื้นอยู่ในระดับ 10-12% หากความชื้นสูงเกินไป จะทำให้เกิดเชื้อราและกลิ่นไม่พึงประสงค์ ส่งผลให้รสชาติของกาแฟเปลี่ยนไปได้
- ความร้อน: อุณหภูมิสูงสามารถทำให้เกิดการระเหยของน้ำมันหอมระเหยในเมล็ดกาแฟ ทำให้สูญเสียกลิ่นและรสชาติที่ดีได้เช่นกัน
- แสงแดด: รังสี UV จากแสงแดดสามารถทำลายสารประกอบที่สำคัญในเมล็ดกาแฟ ส่งผลให้รสชาติและกลิ่นของเมล็ดกาแฟแย่ลงได้
แช่ฟรีซเมล็ดกาแฟ ความเชื่อผิดๆ ในการเก็บเมล็ดกาแฟ
หลายคนอาจคิดว่าการแช่ฟรีซเมล็ดกาแฟคั่วแล้วคือวิธีการเก็บเมล็ดกาแฟที่ดี เพราะจะช่วยคงคุณภาพ ทั้งรสชาติและกลิ่นของกาแฟไว้ได้นานยิ่งขึ้น แต่ความจริงแล้วก็มีข้อควรระวังด้วยเช่นกัน ดังนี้
- เมล็ดกาแฟมีความชื้นสูงและสามารถดูดซับกลิ่นจากอาหารอื่นๆ ในช่องแช่แข็งได้
- การนำเมล็ดกาแฟออกจากช่องแช่แข็งแล้วกลับไปแช่ใหม่จะทำให้เกิดการควบแน่น ซึ่งอาจทำให้รสชาติและคุณภาพของเมล็ดกาแฟลดลง
ดังนั้น ตามคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ วิธีการเก็บเมล็ดกาแฟควรเก็บในที่เย็น แห้ง และมืด โดยใช้ภาชนะที่ปิดสนิทและทึบแสงจะช่วยรักษาคุณภาพได้ดีกว่าการแช่ฟรีซนั่นเอง
เก็บเมล็ดกาแฟให้ถูกวิธี สำคัญอย่างไร
การเก็บเมล็ดกาแฟให้ถูกวิธีมีความสำคัญอย่างมาก เพราะจะส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพและรสชาติของกาแฟที่เราดื่ม หากเก็บไม่ถูกต้อง เมล็ดกาแฟจะสูญเสียความสดใหม่และรสชาติที่ดีไปอย่างรวดเร็วก่อนอายุจริง เสียทั้งสุนทรียภาพในการดื่มกาแฟ แล้วยังต้องเสียเงินซื้อเมล็ดกาแฟใหม่บ่อยขึ้นอีกด้วย
มัดรวม 5 วิธีเก็บรักษาเมล็ดกาแฟให้อยู่ได้นาน รสชาติไม่เสีย
ได้เห็นถึงความสำคัญของการเก็บเมล็ดกาแฟไปแล้ว หลายคนอาจสงสัยว่าควรเก็บเมล็ดกาแฟอย่างไรให้อยู่ได้นานและคงรสชาติกาแฟให้สดใหม่ บทความนี้ได้รวบรวมเอาวิธีการเก็บรักษาเมล็ดกาแฟมาไว้ให้แล้ว ดังนี้
1. เก็บเมล็ดกาแฟให้ห่างอากาศและความเย็น
อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วข้างต้นว่าอากาศและความเย็นมีผลต่อการเสื่อมสภาพของเมล็ดกาแฟ การสัมผัสกับอากาศจะทำให้เกิดกระบวนการออกซิเดชัน ส่งผลให้รสชาติและกลิ่นจางไปได้ วิธีการเก็บรักษาเมล็ดกาแฟที่ดี ควรเก็บเมล็ดกาแฟในภาชนะที่ปิดสนิท เช่น ขวดแก้วหรือภาชนะที่มีระบบปิดสุญญากาศ เก็บในที่แห้ง เย็น รวมถึงการหลีกเลี่ยงการเปิดบรรจุภัณฑ์บ่อยครั้ง
2. ซื้อเมล็ดกาแฟให้เหมาะสม
อีกหนึ่งสิ่งที่ควรคำนึงถึงเวลาซื้อเมล็ดกาแฟเลยก็คือการเลือกซื้อเมล็ดกาแฟที่มีคุณภาพสูงและสดใหม่ เพราะจะช่วยให้ได้รสชาติที่ดีที่สุด สามารถคงรสชาติกาแฟได้นานขึ้น โดยควรเลือกซื้อจากแหล่งที่เชื่อถือได้ และตรวจสอบวันผลิตหรือวันหมดอายุ เพื่อให้มั่นใจว่าเมล็ดกาแฟนั้นยังสดใหม่ รวมถึงการเก็บเมล็ดกาแฟให้ถูกวิธี ก็จะยิ่งช่วยรักษาความสดใหม่ของเมล็ดกาแฟได้ดีขึ้น
3. อย่าบดกาแฟ ถ้าไม่จำเป็น
การบดเมล็ดกาแฟจะทำให้สูญเสียกลิ่นหอมและรสชาติได้เร็วขึ้น เนื่องจากพื้นที่ผิวที่เพิ่มขึ้นทำให้สัมผัสกับอากาศมากขึ้น แม้ว่าจะเก็บเมล็ดกาแฟอย่างถูกวิธีแล้วก็ตาม จึงควรบดเมล็ดกาแฟเมื่อถึงเวลาที่จะนำไปชงเท่านั้น เพื่อรักษาคุณภาพของกาแฟให้นานที่สุด
4. เก็บเมล็ดกาแฟในที่มืด
อย่าลืมว่าแสงแดดสามารถทำลายสารประกอบในเมล็ดกาแฟ ทำให้เกิดการเสื่อมคุณภาพได้ไวยิ่งขึ้น ดังนั้นการเก็บเมล็ดกาแฟอีกหนึ่งวิธีที่สำคัญคือการเก็บเมล็ดกาแฟในภาชนะทึบแสงหรือในที่มืด เพื่อป้องกันไม่ให้แสงแดดเข้าถึงเมล็ดกาแฟได้นั่นเอง ซึ่งภาชนะที่แสงส่องไม่ถึงจะช่วยรักษาคุณภาพและความสดใหม่ของกาแฟได้เป็นอย่างดี
5. ตรวจสอบวันที่คั่วกาแฟก่อนเก็บ
วันที่คั่วมีผลโดยตรงต่อความสดใหม่ของกาแฟได้ด้วยเช่นกัน เพราะเมล็ดกาแฟที่เพิ่งคั่วจะมีกลิ่นหอมและรสชาติที่ดีกว่า จึงควรเลือกซื้อเมล็ดกาแฟที่มีวันที่คั่วระบุไว้อย่างชัดเจน โดยเลือกวันที่คั่วเป็นวันล่าสุด เพื่อให้มั่นใจในความสดใหม่ของเมล็ดกาแฟ และควรนำเมล็ดกาแฟมาใช้ทำกาแฟในระยะเวลาที่เหมาะสมหลังจากวันที่คั่ว เพื่อรับประสบการณ์การดื่มกาแฟที่ดีที่สุด
สรุป
เมื่อได้รู้กันไปแล้วว่าปัจจัยที่ทำให้เมล็ดกาแฟเสียรสชาติมีอะไรบ้าง พร้อมวิธีการเก็บรักษาเมล็ดกาแฟให้คงรสชาติสดใหม่ และลดโอกาสเกิดกลิ่นอับชื้นบนตัวเมล็ดกาแฟจนสูญเสียอรรถรสในการดื่ม ต่อจากนี้จึงควรเก็บเมล็ดกาแฟอย่างถูกวิธีเพื่อให้กาแฟรสชาติสดใหม่อยู่เสมอ นอกจากนี้แนะนำให้เลือกซื้อ กาแฟคั่วสดใหม่จาก Peaberry Thai เพราะสามารถเก็บไว้ได้นาน เหมาะสำหรับคอกาแฟ พร้อมทั้งยังมีตัวเลือกรสชาติกาแฟหลากหลายให้เลือกตามความชอบของแต่ละคน