Key Takeaway
- เฟืองบดกาแฟ คือ อุปกรณ์ที่ใช้บดเมล็ดกาแฟให้ละเอียด ทำงานโดยใช้แรงเสียดทานและแรงกดระหว่างใบมีดหรือเฟืองที่หมุนเข้าหากัน
- การเลือกเฟืองบดกาแฟที่เหมาะสมมีความสำคัญ เพราะการบดมีผลโดยตรงต่อรสชาติ กลิ่นของกาแฟ และกระบวนการสกัดรสชาติ
- เฟืองบดกาแฟมี 3 ประเภท คือ เฟืองบดแบบใบมีด เฟืองบดแบบทรงราบแบน และเฟืองบดแบบทรงกรวย
- วัสดุเฟืองบดในปัจจุบันคือ เซรามิก เหล็ก และไทเทเนียม
- เทคนิคการปรับตั้งเฟืองบดกาแฟ คือ หมุนตามเข็มนาฬิกาเพื่อบดละเอียดขึ้น ทวนเข็มนาฬิกาเพื่อบดหยาบลง เริ่มจากการตั้งค่ามาตรฐานสำหรับวิธีการชงที่ต้องการ และปรับแต่งทีละนิดเพื่อหารสชาติที่ต้องการ
หากนักชงกาแฟมือใหม่กำลังมองหาเฟืองบดกาแฟดีๆ สักตัว ต้องห้ามพลาดบทความนี้ เพราะ Peaberry Thai จะพาไปเรียนรู้วิธีเลือกเฟืองบดที่เหมาะกับความต้องการของคุณ เพื่อสร้างรสชาติกาแฟที่อร่อยสมบูรณ์แบบและลงตัว ไม่ว่าจะเป็นบาริสต้ามือใหม่หรือคอกาแฟตัวยง บทความนี้จะช่วยให้เข้าใจเรื่องเฟืองบดกาแฟได้อย่างลึกซึ้ง
เฟืองบดกาแฟ หัวใจสำคัญของการชงกาแฟ
เฟืองบดกาแฟ (Burr Grinder) คืออุปกรณ์ที่ใช้ในการบดเมล็ดกาแฟให้ละเอียด ด้วยการหมุนใบมีดหรือเฟืองเพื่อบดเมล็ดกาแฟให้กลายเป็นผงละเอียด ซึ่งหลักการทำงานของเฟืองบดนั้น ต้องอาศัยแรงเสียดทานและแรงกดระหว่างใบมีดหรือเฟืองที่หมุนเข้าหากัน ทำให้เมล็ดกาแฟถูกบดจนละเอียดตามขนาดที่ต้องการโดยเฟืองบดกาแฟถือเป็นหัวใจสำคัญของการชงกาแฟ เพราะขนาดของผงกาแฟที่บดได้จะส่งผลโดยตรงต่อรสชาติและกลิ่นของกาแฟที่ชงออกมา การเลือกเฟืองบดที่เหมาะสมจึงเป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับคนรักกาแฟทุกคน
เฟืองบดมีผลอย่างไรต่อรสชาติและกลิ่นของกาแฟ
การบดเมล็ดกาแฟให้ได้ขนาดที่เหมาะสมนั้นสำคัญมาก เพราะมีผลโดยตรงต่อกระบวนการสกัดรสชาติและกลิ่นของกาแฟ ถ้าบดหยาบเกินไป น้ำจะผ่านผงกาแฟเร็วเกินไป ทำให้สกัดรสชาติออกมาได้ไม่เต็มที่ ส่งผลให้กาแฟจืดและรสชาติไม่กลมกล่อม แต่ถ้าบดละเอียดเกินไป น้ำจะผ่านผงกาแฟช้าเกินไป ทำให้สกัดรสชาติออกมามากเกินไป กาแฟจึงขมและมีรสฝาด
ซึ่งเฟืองบดกาแฟที่ดีจะช่วยให้ควบคุมขนาดของผงกาแฟได้ตามต้องการ ทำให้สามารถปรับแต่งรสชาติ และกลิ่นของกาแฟได้ นอกจากนี้เฟืองบดคุณภาพสูงยังช่วยลดความร้อนที่เกิดขึ้นระหว่างการบด ซึ่งช่วยรักษากลิ่นและรสชาติของกาแฟไว้ได้ดียิ่งขึ้น
เฟืองบดกาแฟมีกี่แบบ? ข้อดีและข้อเสียของแต่ละแบบ
แล้วเฟืองบดกาแฟมีกี่แบบ? ควรเลือกเฟืองบดกาแฟแบบไหนดี? ซึ่งแต่ละแบบมีข้อดีและข้อเสียต่างกันไป มาดูกันว่าแต่ละแบบมีลักษณะอย่างไรกันบ้าง ดังนี้
เฟืองบดแบบใบมีด (Blade Grinder)
เฟืองบดกาแฟ Blade Grinder แบบใบมีด จะใช้หลักการบดสับ ที่ทำให้เมล็ดกาแฟให้แตกละเอียด โดยขึ้นอยู่กับระยะเวลาความยาวนานในการปั่น ปั่นนานก็จะมีกาแฟที่ละเอียดมาก แต่จะบดละเอียดไม่เท่ากันทุกครั้งที่มีการปั่น และผงกาแฟ Particle Size จะมีความละเอียดที่ไม่สม่ำเสมอกัน เพราะมีทั้งเกล็ด เม็ด และผงที่เป็นแป้งๆ ผสมกันออกมา เครื่องบดกาแฟประเภทนี้จึงไม่แนะนำมาใช้บดเพื่อชงกาแฟเอสเพรสโซเพราะกาแฟที่นำมาชงจะสูญเสียกลิ่น รส โดยเหมาะสำหรับนำไปใช้งานกับการชงกาแฟแบบ FrechPress หรือกาแฟแบบดริปมากกว่า
- ข้อดี: ราคาถูก ขนาดเล็ก ใช้งานง่ายเหมาะสำหรับมือใหม่ หรือผู้ที่มีงบประมาณจำกัด
- ข้อเสีย: บดเมล็ดกาแฟไม่ละเอียดเท่ากัน ทำให้ควบคุมรสชาติได้ยาก เกิดความร้อนสูงระหว่างบด อาจทำให้กาแฟเสียรสชาติ ไม่เหมาะสำหรับการชงกาแฟที่ต้องการความละเอียดสูง เช่น เอสเปรสโซ เป็นต้น
เฟืองบดแบบทรงราบแบน (Flat Grinder)
เครื่องบดกาแฟ Flat Grinder หรือ Flat Burr คือ เฟืองบดแบบจานแบน เป็นเครื่องบดที่มีฟันบดสองชิ้น คล้ายกับแผ่น CD สองแผ่น เป็นรูกลวง และประกบกันโดยเมื่อเมล็ดกาแฟผ่านระหว่างฟันบดสองชิ้นนี้ก็จะถูกบดออกมา โดยจานบดชิ้นล่างจะมีหน้าที่ในการหมุนบด ส่วนชิ้นบดมีหน้าที่ในการปรับขึ้นลงเพื่อกำหนดระยะห่างระหว่างจานบดทั้งสองอัน ผลลัพธ์ที่ได้คือกาแฟที่ถูกแรงหมุนของจานบดล่าง เหวี่ยงดันผงกาแฟออกมารอบๆ และจึงถูกกวาดให้ลงมาในช่องปล่อยกาแฟ ซึ่งผงกาแฟที่ได้จะมีความสม่ำเสมอ ประกอบกับการจัดวางเฟืองบดแบบนี้สามารถใช้ร่วมกับมอเตอร์ที่รอบบดสูงได้ ทำให้เครื่องบดสำหรับคาเฟ่ส่วนใหญ่มักจะนิยมใช้เฟืองแบบจาน
นอกจากนี้ การปรับเบอร์บดจะมีการสูญเสียผงกาแฟที่ต่ำกว่าเฟืองบดแบบทรงกรวย เครื่องบดที่ใช้เฟืองประเภทนี้ เช่น Compak E6 OD, Eureka Firenze 75 และ Mahlkonig E65s
- ข้อดี: บดเมล็ดกาแฟละเอียดสม่ำเสมอ ทำให้ควบคุมรสชาติได้ดี สามารถปรับขนาดการบดได้หลากหลาย เหมาะกับการชงกาแฟหลายสไตล์
- ข้อเสีย: ราคาสูงกว่าแบบใบมีด อาจมีเมล็ดกาแฟค้างในเครื่อง ต้องทำความสะอาดบ่อย และขนาดใหญ่กว่าแบบใบมีด ไม่สะดวกในการพกพา
เฟืองบดแบบทรงกรวย (Conical Grinder)
เครื่องบดกาแฟ Conical Burr คือ เฟืองบดทรงกรวยเป็นเครื่องบดที่มีฟันบดสองชิ้นลักษณะทรงกรวยคว่ำ และแกนกลางประกบกัน โดยสองชิ้นสวมเข้าหากันได้พอดี ผู้ใช้งานสามารถปรับความหยาบ-ละเอียดของการบดได้โดยการปรับระยะห่างของฟันบดชิ้นบนให้สูงต่ำ ส่วนชิ้นล่างเป็นตัวหมุนเพื่อบดกาแฟลงมาด้านล่าง โดยกาแฟจะค่อยๆ ถูกลดขนาดลงเรื่อย กาแฟที่ได้ค่อนข้างสม่ำเสมอ ความร้อนสะสมที่เฟืองบดต่ำเพราะรอบบดของเฟืองชนิดนี้จะไม่ได้เร็วมาก เครื่องบดที่ใช้เฟืองประเภทนี้ เช่น Varia VS3 , Gen2, Compak E10
- ข้อดี: บดเมล็ดกาแฟละเอียดสม่ำเสมอ ให้รสชาติกาแฟที่กลมกล่อม ปรับขนาดการบดได้ละเอียด เหมาะสำหรับกาแฟทุกสไตล์
- ข้อเสีย: ราคาสูงที่สุดในบรรดาเฟืองบดกาแฟทั้งหมด ต้องการการดูแลรักษาและทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ อีกทั้งยังมีขนาดใหญ่ ไม่เหมาะสำหรับการพกพา
วัสดุเฟืองบดและใบมีดยอดนิยม อะไรคือตัวเลือกที่ดีที่สุด?
เมื่อพูดถึงวัสดุที่ใช้ทำเฟืองบดและใบมีด มีตัวเลือกยอดนิยมอยู่ 3 ประเภทหลักๆ ได้แก่ เซรามิก เหล็ก และไทเทเนียม มาดูกันว่าแต่ละวัสดุมีคุณสมบัติ ข้อดีและข้อจำกัดต่างกันอย่างไร ดังนี้
เซรามิก (Ceramic)
เซรามิกเป็นวัสดุที่นิยมใช้ทำเฟืองบดกาแฟในเครื่องบดกาแฟระดับกลางถึงสูง อาจไม่เหมาะกับการบดเมล็ดกาแฟที่คั่วเข้มมาก แต่ทนทานต่อการสึกหรอ มีอายุการใช้งานยาวนาน อีกทั้งยังไม่นำความร้อน ช่วยรักษาคุณภาพของกาแฟได้ดี และไม่เป็นสนิม จึงไม่ต้องกังวลเรื่องการปนเปื้อน อย่างไรก็ตามเซรามิกเป็นวัสดุที่เปราะบาง อาจแตกหักได้ถ้าได้รับแรงกระแทกรุนแรง และมีราคาสูงกว่าเหล็ก
เหล็ก (Steel)
เหล็กเป็นวัสดุที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในเฟืองบดกาแฟทุกระดับราคา เพราะมีความแข็งแรงและทนต่อแรงกระแทกได้ดี พร้อมกับสามารถบดเมล็ดกาแฟได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ อีกทั้งราคายังถูกกว่าเซรามิกและไทเทเนียม แต่มีข้อควรระวังเนื่องจากเหล็กสามารถนำความร้อนได้ดี อาจส่งผลต่อรสชาติของกาแฟถ้าใช้งานต่อเนื่องเป็นเวลานาน อาจเกิดสนิมได้ถ้าไม่ดูแลรักษาอย่างดี และอายุการใช้งานอาจสั้นกว่าเซรามิกหากใช้งานหนัก
ไทเทเนียม (Titanium)
ไทเทเนียมเป็นวัสดุระดับพรีเมียมที่มักพบในเฟืองบดกาแฟระดับมืออาชีพ แข็งแรงทนทานสูงมาก แต่น้ำหนักเบา เหมาะสำหรับเครื่องบดแบบพกพา อีกทั้งยังไม่เป็นสนิม ไม่นำความร้อนเหมือนเหล็ก ซึ่งจะช่วยรักษาคุณภาพของกาแฟได้ดีเยี่ยม เนื่องจากไทเทเนียมเป็นวัสดุระดับพรีเมียม จึงมีราคาสูงมาก อาจไม่คุ้มค่าสำหรับคนทั่วไปหรือมือใหม่
เคล็ดลับการบดเมล็ดกาแฟให้ได้ขนาดที่เหมาะสม
การบดเมล็ดกาแฟให้ได้ขนาดที่เหมาะสมเป็นศิลปะอย่างหนึ่ง ซึ่งต้องอาศัยทั้งความรู้และประสบการณ์ มาดูเคล็ดลับที่จะช่วยให้บดกาแฟได้อย่างมืออาชีพ ดังนี้
1. เรียนรู้การปรับตั้งเฟืองบดกาแฟ
ศึกษาคู่มือการใช้งานเฟืองบดกาแฟให้ละเอียด เพื่อเข้าใจวิธีการปรับความละเอียดของการบด โดยทั่วไปการหมุนตามเข็มนาฬิกาจะทำให้บดละเอียดขึ้น ส่วนการหมุนทวนเข็มนาฬิกาจะทำให้บดหยาบลง
2. เริ่มจากการตั้งค่ามาตรฐาน
เริ่มต้นด้วยการตั้งค่าความละเอียดตามคำแนะนำสำหรับวิธีการชงที่ต้องการ เช่น สำหรับเอสเปรสโซควรตั้งค่าให้บดละเอียดมาก ส่วนเฟรนช์เพรสควรตั้งค่าให้บดหยาบกว่า
3. ปรับแต่งทีละนิด
หลังจากชงกาแฟครั้งแรก ให้ชิมและสังเกตรสชาติ ถ้ากาแฟขมเกินไป แสดงว่าบดละเอียดเกินไป ให้ปรับให้หยาบขึ้นเล็กน้อย แต่ถ้าจืดเกินไป แสดงว่าบดหยาบเกินไป ควรปรับให้ละเอียดขึ้น
4. ใส่ใจปริมาณเมล็ดกาแฟ
นอกจากความละเอียด ปริมาณกาแฟที่บดก็สำคัญเช่นกัน ควรใช้เครื่องชั่งดิจิตอลเพื่อวัดปริมาณกาแฟให้แม่นยำ โดยอัตราส่วนทั่วไปที่แนะนำคือกาแฟต่อน้ำ 1:16 (เช่น กาแฟ 15 กรัมต่อน้ำ 240 มล.)
5. สังเกตเวลาในการสกัดกาแฟ
เวลาในการสกัดกาแฟเป็นตัวบ่งชี้ที่ดีว่าการบดของคุณเหมาะสมหรือไม่ สำหรับเอสเปรสโซ เวลาที่เหมาะสมคือ 25-30 วินาที ส่วนดริปกาแฟควรใช้เวลาประมาณ 2-4 นาที
6. ทดลองและบันทึกผล
จดบันทึกการตั้งค่าการบด ปริมาณกาแฟ และผลลัพธ์ที่ได้ในแต่ละครั้ง เพื่อใช้เป็นแนวทางในการปรับปรุงในครั้งต่อไป
7. ทำความสะอาดเฟืองบดกาแฟสม่ำเสมอ
เศษกาแฟที่ตกค้างในเฟืองบดอาจส่งผลต่อรสชาติของกาแฟในครั้งต่อไป ควรทำความสะอาดเฟืองบดกาแฟอย่างสม่ำเสมอเพื่อรักษาคุณภาพของกาแฟ
สรุป
การเลือกเฟืองบดกาแฟที่ดีมีผลโดยตรงต่อรสชาติของกาแฟ เพราะเฟืองบดคุณภาพสูงจะช่วยให้สามารถควบคุมขนาดของผงกาแฟได้อย่างแม่นยำ ซึ่งส่งผลให้ได้กาแฟที่มีรสชาติกลมกล่อมและน่าดื่มสำหรับผู้ที่กำลังมองหาเฟืองบดกาแฟคุณภาพดี จาก Peaberry Thai เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจ ด้วยความเชี่ยวชาญด้านกาแฟและอุปกรณ์ชงกาแฟมายาวนาน Peaberry Thai มีเฟืองบดกาแฟหลากหลายรูปแบบให้เลือก ตั้งแต่รุ่นพื้นฐานสำหรับมือใหม่ไปจนถึงรุ่นพรีเมียมสำหรับมืออาชีพ สามารถเลือกเฟืองบดที่เหมาะกับความต้องการได้