Key Takeaway
- ก้านชงกาแฟ (Portafilter) คือภาชนะบรรจุผงกาแฟในเครื่องชงเอสเพรสโซ่ ทำหน้าที่เป็นตัวกลางระหว่างผงกาแฟและน้ำร้อนที่ถูกฉีดผ่าน ส่งผลต่อคุณภาพและรสชาติของกาแฟที่ชง
- ก้านชงกาแฟ 51mm เหมาะสำหรับเครื่องชงขนาดเล็กถึงกลาง ใช้ผงกาแฟ 14-18 กรัม ส่วน ก้านชงกาแฟ 58mm นิยมใช้ในร้านกาแฟและเครื่องชงระดับมืออาชีพ ใช้ผงกาแฟ 18-22 กรัม ขนาดใหญ่กว่าให้พื้นที่ผิวสัมผัสมากกว่า ช่วยในการสกัดรสชาติได้ดีขึ้น
- การเลือกก้านชงกาแฟให้เหมาะกับเครื่องชงกาแฟ ควรตรวจสอบขนาดที่เครื่องชงรองรับจากคู่มือการใช้งาน หรือวัดขนาดของช่องใส่ก้านชงบนเครื่อง (Group head) ด้วยตนเอง
- Peaberry Thai มีเครื่องชงกาแฟหลากหลายรุ่นที่เหมาะกับทั้งมือใหม่และมืออาชีพ อีกทั้งยังมีบริการหลังการขาย และการให้คำแนะนำในการเลือกก้านชงกาแฟที่เหมาะสมกับเครื่องชงกาแฟ
เคยสงสัยหรือไม่ ว่าทำไมกาแฟที่ชงเองถึงไม่อร่อยเท่าร้านดัง? คำตอบอาจไม่ได้อยู่ที่เมล็ดกาแฟ หรือเครื่องชงเพียงอย่างเดียว แต่อุปกรณ์เล็กๆ ที่หลายคนมองข้ามอย่าง "ก้านชงกาแฟ" ก็มีส่วนด้วยเช่นกัน บทความนี้จะช่วยให้เข้าใจถึงความสำคัญของก้านชงกาแฟ และวิธีการเลือกก้านกาแฟให้เหมาะกับเครื่องกาแฟที่ถูกต้อง ไปดูกัน!
ก้านชงกาแฟคืออะไร? ทำไมถึงสำคัญ?
ก้านชงกาแฟ หรือด้ามชงกาแฟ (Portafilter) เป็นอุปกรณ์สำคัญในการชงกาแฟ ซึ่งทำหน้าที่เป็นภาชนะบรรจุผงกาแฟที่จะถูกกดอัดให้แน่นก่อนที่น้ำร้อนจะถูกฉีดผ่าน โดยการเลือกก้านชงกาแฟที่เหมาะสมจึงสำคัญมากต่อคุณภาพของกาแฟที่คุณจะได้ดื่ม
นอกจากนี้ ก้านชงกาแฟมีผลต่อการสกัดกาแฟ เพราะจะควบคุมความดันของน้ำที่ผ่านผงกาแฟ และเวลาในการสกัด รวมถึงการกระจายตัวของน้ำผ่านผงกาแฟด้วย
ก้านชงกาแฟมีกี่ชนิด
ด้ามชงกาแฟมีกี่แบบ? ด้ามชงกาแฟหรือก้านชงกาแฟมีอยู่ 3 ชนิดหลักๆ ด้วยกัน แต่ละชนิดก็มีจุดเด่นต่างกันออกไป ดังนี้
ก้านชงแบบเดียว (Single Spout)
ก้านชงแบบเดียว (Single Spout) เหมาะสำหรับการชงกาแฟหนึ่งช็อต เพราะมีความแม่นยำในการควบคุมปริมาณและคุณภาพของกาแฟที่ชงได้ดีที่สุด เหมาะสำหรับคนที่ชอบดื่มกาแฟคนเดียว หรือต้องการฝึกฝนทักษะการชงกาแฟให้ดีขึ้น
ก้านชงแบบคู่ (Double Spout)
ก้านชงแบบคู่ (Double Spout) สำหรับการชงกาแฟ 2 ช็อตพร้อมกัน ซึ่งสะดวกมากเวลาชงให้เพื่อน หรือหากกำลังฝึกทำลาเต้อาร์ต ก้านชงแบบนี้จะช่วยให้ได้กาแฟ 2 แก้วที่มีคุณภาพเท่ากันในคราวเดียว
ก้านชงแบบปรับได้ (Adjustable Spout)
ก้านชงแบบปรับได้ (Adjustable Spout) เป็นตัวเลือกที่ยืดหยุ่นที่สุด เพราะสามารถปรับให้เป็นแบบเดียว หรือแบบคู่ได้ตามต้องการ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการความหลากหลายในการใช้งาน
ก้านชงกาแฟยอดนิยม เลือกใช้แบบไหนดี
ด้ามชงกาแฟมีกี่ขนาด? เมื่อพูดถึงขนาดของก้านชงกาแฟนั้น จะมีอยู่ 2 ขนาดที่เป็นที่นิยมมากที่สุดในบาริสต้า นั่นคือ 51Mm และ 58 Mm แล้วก้านชง 51 Mm กับ 58 Mm ต่างกันอย่างไร ใส่กาแฟได้กี่กรัม มาดูความต่างและจุดเด่นของทั้ง 2 ขนาด ได้ดังนี้
- ก้านชงขนาด 51Mm: ใช้ผงกาแฟประมาณ 14-18 กรัม เหมาะสำหรับเครื่องชงกาแฟขนาดเล็กถึงกลาง ซึ่งจะใช้ผงกาแฟน้อยกว่า และประหยัดกว่า ง่ายต่อการควบคุมการสกัด แถมยังเหมาะสำหรับมือใหม่
- ก้านชงขนาด 58Mm: ใช้ผงกาแฟประมาณ 18-22 กรัม นิยมใช้ในร้านกาแฟและเครื่องชงระดับมืออาชีพ เพราะรองรับผงกาแฟได้มากกว่า และให้พื้นที่ผิวสัมผัสมากกว่า ทำให้สกัดรสชาติได้ดี และพรีเมียมมากยิ่งขึ้น
วิธีวัดขนาดก้านชงที่ถูกต้อง
การวัดขนาดก้านชงที่ถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะจะส่งผลต่อปริมาณกาแฟที่ใช้ และคุณภาพของช็อตที่ได้ ซึ่งวิธีวัดขนาดก้านชงกาแฟที่ถูกต้อง ทำได้ดังนี้
- ใช้ไม้บรรทัดหรือเวอร์เนียร์คาลิปเปอร์
- วัดเส้นผ่านศูนย์กลางภายในของก้านชง (ไม่รวมขอบ)
- บันทึกค่าที่วัดได้เป็นมิลลิเมตร
วิธีเลือกก้านชงกาแฟให้เหมาะกับเครื่องชงกาแฟ
การเลือกก้านชงกาแฟให้เข้ากับเครื่องชงกาแฟเป็นหัวใจสำคัญของการชงกาแฟมืออาชีพ เพราะถ้าเลือกผิด กาแฟอาจจะไม่อร่อยอย่างที่ควรจะเป็น หรือแย่กว่านั้น อาจทำให้เครื่องชงกาแฟเสียหายได้ ซึ่งวิธีตรวจสอบขนาดของก้านชงที่เครื่องชงรองรับ ทำได้ดังนี้
- ดูในคู่มือการใช้งานของเครื่องชงกาแฟ
- ติดต่อผู้ผลิต หรือร้านค้าที่ซื้อเครื่องชงมา
- วัดขนาดของช่องใส่ก้านชงบนเครื่อง (Group Head)
เทคนิคการใช้ก้านชงกาแฟ
การใช้ก้านชงกาแฟอย่างถูกวิธีเป็นกุญแจสำคัญสู่การได้ช็อตเอสเพรสโซ่ที่สมบูรณ์แบบ มาดูกันว่ามีเทคนิคอะไรบ้าง ดังนี้
วิธีการบรรจุผงกาแฟในก้านชง
- เริ่มจากการชั่งผงกาแฟให้ได้น้ำหนักที่เหมาะสมกับขนาดของก้านชง
- เทผงกาแฟลงในก้านชงอย่างระมัดระวัง พยายามให้กระจายตัวสม่ำเสมอ
- ใช้นิ้วปาดผงกาแฟให้เรียบเสมอกัน เพื่อให้น้ำกระจายตัวทั่วถึงเมื่อชง
วิธีการกดกาแฟให้แน่น (Tamping)
- วางก้านชงบนพื้นผิวที่เรียบและมั่นคง
- จับแทมเปอร์ (อุปกรณ์กดกาแฟ) ให้กระชับ วางลงบนผงกาแฟในก้านชง
- ออกแรงกดลงตรงๆ ด้วยน้ำหนักประมาณ 13-18 กิโลกรัม
- หมุนแทมเปอร์เบาๆ เพื่อให้ผิวหน้าเรียบเนียน
เคล็ดลับในการได้ช็อตเอสเพรสโซ่ที่สมบูรณ์แบบ
- ควบคุมอุณหภูมิน้ำให้อยู่ที่ 90-96 องศาเซลเซียส
- ตั้งเวลาการชงให้อยู่ระหว่าง 25-30 วินาที
- สังเกตสีและความข้นของกาแฟที่ไหลออกมา ควรมีสีน้ำตาลเข้มและไหลเป็นเส้นบางๆ
- ปรับความละเอียดของการบดหากช็อตไหลเร็วหรือช้าเกินไป
สรุป
การเลือกและใช้ก้านชงกาแฟที่เหมาะสมเป็นปัจจัยสำคัญในการยกระดับการชงกาแฟ จากมือสมัครเล่นสู่มืออาชีพ หากกำลังมองหาเครื่องชงกาแฟคุณภาพดีเพื่อเริ่มต้นการเดินทางสู่การเป็นบาริสต้าที่บ้าน ขอแนะนำให้ลองเครื่องชงกาแฟจาก Peaberry Thai ที่นี่มีเครื่องชงกาแฟหลากหลายรุ่นที่เหมาะกับทั้งมือใหม่และมืออาชีพ อีกทั้งยังมีบริการหลังการขาย และการให้คำแนะนำในการเลือกก้านชงกาแฟที่เหมาะสมกับเครื่องชงกาแฟ